Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ อาหารแมว

เหมียวเบื่ออาหาร! 5 สาเหตุที่ แมวไม่กินอาหารเม็ด

5 สาเหตุที่แมวไม่กินอาหารเม็ด

เหล่าทาสอย่างเรา คงเคยเจอปัญหา แมวไม่กินอาหารเม็ด เลือกกินแต่อาหารเปียก สร้างความกังวลใจ กลัวว่าเหมียวจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน

บทความนี้ เราจะพาทาสแมวทุกคนไปไขปริศนาสาเหตุที่แมวไม่ยอมกินอาหารเม็ด ความสำคัญของอาหารเม็ด พร้อม เทคนิคการฝึกให้แมวกินอาหารเม็ดและวิธีแก้ไขให้แมวกินอาหารเม็ดแบบง่ายๆ ที่ทาสอย่างเราสามารถทำได้เอง

แมวเบื่ออาหารเม็ด

แมวไม่กินอาหารเม็ด ปัญหาใหญ่ที่เจ้าของต้องแก้ไข

แมวเบื่ออาหารเม็ดเป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากอาหารเม็ดเป็นที่นิยมในการให้อาหารแมวและมักจะมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับสุขภาพของแมวอย่างครบถ้วน การที่แมวเบื่ออาหารอาจทำให้แมวขาดสารอาหารสำคัญได้ เช่น โปรตีน วิตามินแมว และแร่ธาตุทำให้เกิดผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของแมวอาทิเช่นปัญหาน้ำหนักและระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ดังนั้น การแมวไม่ยอมกินอาหารเม็ดจึงเป็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไขเพื่อรักษาสุขภาพของแมวให้ดีที่สุดที่เป็นไปได้

แมวไม่กินอาหารเม็ด

ทำไมอาหารเม็ดจึงสำคัญต่อสุขภาพแมว?

ความสำคัญของอาหารเม็ดช่วยให้แมวของเรามีสุขภาพที่ดีและบำรุงร่างกายแมว บำรุงขน บำรุงไต บำรุงสายตา บำรุงเลือดไปด้วย มันไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหารที่มีรสชาติดีและสีสันสวยงาม เอาไว้ให้น้องแมวของเรากินตามความประสงค์ แต่มันมีความสำคัญอย่างมากสำหรับสุขภาพของน้องแมวเรา

  1. สารอาหารที่ครบถ้วน: อาหารเม็ดมักจะถูกออกแบบมาเพื่อให้มีสารอาหารที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ ทำให้แมวได้รับพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและฟื้นฟูร่างกาย
  2. ควบคุมน้ำหนัก: อาหารเม็ดมักมีการควบคุมพอร์ชันแคลอรีอย่างเหมาะสม ทำให้เป็นวิธีที่ดีในการควบคุมน้ำหนักของแมว ทำให้ไม่เกิดปัญหาน้ำหนักเกินหรือน้ำหนักน้อยในน้องแมว
  3. ป้องกันโรค: อาหารเม็ดที่มีสารอาหารที่ครบถ้วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แมว ทำให้มันสามารถป้องกันโรคต่างๆได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้ลดโอกาสที่จะเจ็บป่วยและเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค
  4. ความสะดวกสบาย: การให้อาหารเม็ดมีความสะดวกสบายสำหรับเจ้าของ ราคาถูก แมวสามารถกินเมื่อมีความพร้อม และไม่ต้องเปลี่ยนอาหารบ่อยๆ เหมาะสำหรับเจ้าของที่มีกิจวัตรประจำวันที่ไม่คงที่
  5. ส่งเสริมทางสมอง: การเลือกใช้อาหารเม็ดที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมสามารถส่งเสริมทางสมองของแมวให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถช่วยให้มีความคิดและการเรียนรู้ที่ดีขึ้นได้

อาหารเม็ดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นการเลือกใช้อาหารเม็ดที่เหมาะสมและการให้มันเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของควรคำนึงถึงอย่างยิ่ง เพื่อให้น้องแมวของเรามีชีวิตที่มีคุณภาพและมีความสุขที่สุด

เทคนิตฝึกให้แมวกินอาหารเม็ด

5 สาเหตุที่แมวไม่ยอมกินอาหารเม็ด

สาเหตุที่แมวไม่ยอมกินอาหารเม็ด มีเหตุผลหลายประการที่เราควรพิจารณาดังนี้

1. การชอบกินอาหารเปียกมากกว่า

บางแมวมีความชอบที่ชัดเจนต่ออาหารเปียก เนื่องจากมีกลิ่นหอมและรสชาติที่ดึงดูดใจมากกว่าอาหารเม็ด ทำให้แมวอาจเลือกกินอาหาร

2. ความไม่คุ้นเคยกับอาหารเม็ด

แมวบางตัวอาจไม่เคยรับประทานอาหารเม็ดมาก่อน หรือไม่เคยเรียนรู้การกินอาหารเม็ดในช่วงเด็กหรือหลังจากนั้น ซึ่งอาจทำให้พวกเขาปฏิเสธการกิน

3. รสชาติหรือกลิ่นอาหารไม่ถูกปาก

อาหารเม็ดบางชนิดอาจมีรสชาติหรือกลิ่นที่แมวไม่ชอบ ทำให้แมวไม่กิน แม้ว่าจะเป็นอาหารแมวที่ดีและเหมาะสม

4. ขนาดหรือความแข็งของอาหารเม็ด

บางแมวอาจมีปัญหากับขนาดของอาหารเม็ดหรือความแข็งที่เกินไป โดยมีทั้ง อาหารเม็ดสำหรับแมวเด็ก อาหารเม็ดสำหรับแมวโต อาหารเม็ดสำหรับแมวแก่ ซึ่งอาจทำให้พวกเขามีความยากลำบากในการเคี้ยวหรือกินหากเลือกขนาดและความแข็งที่ไม่หมาะสม

5. ปัญหาสุขภาพ

ปัญหาสุขภาพแมวเช่นโรคในช่องปาก โรคไต หรือความเครียด สามารถส่งผลต่อความอยากอาหารของแมวได้ โรคในช่องปากอาจทำให้แมวรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บปวดเมื่อกิน โรคไตอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพทั่วไปของแมว และความเครียดก็สามารถทำให้แมวเบื่ออาหารเม็ดได้

แมวไม่กินอาหารเม็ด

วิธีแก้ไขและเทคนิคการฝึกให้แมวกินอาหารเม็ด

หากคุณเจ้าของแมวกำลังเผชิญกับปัญหาที่น้องแมวปฏิเสธการกินอาหารเม็ด นี่คือกลยุทธ์เปลี่ยนแมวกินอาหารเม็ดที่อาจช่วยคุณได้

1. ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน

ผสมอาหารเปียกกับอาหารเม็ดทีละน้อยค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนอาหารเม็ดจนแมวกินอาหารเม็ดได้

  • เริ่มต้นด้วยการผสมอาหารเปียกกับอาหารเม็ดในอัตราส่วน 1:1
  • ค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนอาหารเม็ดทีละน้อย ใช้เวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์
  • เมื่อแมวคุ้นเคยกับอาหารเม็ด ก็สามารถลดสัดส่วนอาหารเปียกลงได้

2. กำหนดเวลาให้อาหาร

ให้อาหารแมวเป็นเวลา เก็บอาหารหลังจาก 30 นาที แมวจะหิวและกินอาหารเม็ด

  • กำหนดเวลาให้อาหารแมว 3 มื้อต่อวัน เช้า กลางวัน เย็น
  • เก็บอาหารหลังจาก 30 นาที แมวจะหิวและกินอาหารเม็ด
  • ไม่ควรให้ขนมแมวกินจุบจิบระหว่างมื้อ

3. ใช้อาหารเม็ดหลากหลาย

ลองเปลี่ยนอาหารเม็ดหลายๆ ยี่ห้อ รสชาติ และขนาด เพื่อหาอาหารที่แมวชอบ

  • แมวแต่ละตัวมีรสนิยมการกินที่แตกต่างกัน
  • ลองให้อาหารเม็ดหลายๆ ยี่ห้อ รสชาติ และขนาด
  • สังเกตว่าแมวชอบอาหารเม็ดแบบไหน

4. เพิ่มกลิ่นหอม

โรยทูน่ากระป๋องบนอาหารเม็ด เพิ่มกลิ่นหอมดึงดูดแมว

  • แมวมีประสาทรับกลิ่นไว
  • โรยทูน่ากระป๋องบนอาหารเม็ด เพิ่มกลิ่นหอมดึงดูดแมว
  • สามารถใช้น้ำซุปปลาทูน่า หรือน้ำซุปไก่ ราดบนอาหารเม็ดได้

5. ให้อาหารเม็ดเป็นของว่าง

ให้อาหารเม็ดเป็นของว่างระหว่างมื้อ อาหารเม็ดจะน่าสนใจสำหรับแมว

  • แมวชอบกินอาหารเป็นมื้อย่อย
  • ให้อาหารเม็ดเป็นของว่างระหว่างมื้อ
  • อาหารเม็ดจะน่าสนใจสำหรับแมว

6. ปรึกษาสัตวแพทย์:

หากแมวไม่ยอมกินอาหารแมวเลยเป็นเวลานาน ควรปรึกษาสัตวแพทย์

  • สัตวแพทย์จะตรวจสุขภาพแมว เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้แมวไม่ยอมกินอาหารเม็ด
  • สัตวแพทย์อาจแนะนำอาหารเม็ดสูตรพิเศษ ที่เหมาะกับแมวที่มีปัญหาสุขภาพ

สัตวแพทย์อาจแนะนำวิธีอื่นๆ ในการช่วยให้แมวกินอาหารเม็ด

ฝึกแมวกินอาหารเม็ด

ทาสแมวอย่างเรา

ต้องเข้าใจธรรมชาติของเจ้าเหมียว ค่อยๆ ฝึกฝนอย่างใจเย็น เท่านี้เจ้าเหมียวก็จะกลับมากินอาหารเม็ดอย่างเอร็ดอร่อย สุขภาพดี แข็งแรง

ขอขอบคุณคลิปจาก Pettochi

อ่านบทความเพิ่มเิมได้ที่ guscats.com

5 ยี่ห้อ ขนมแมวเลีย ไม่เค็ม อร่อยดี มีประโยชน์ เจ้านายปลื้ม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

อยากลดความอ้วนแมวให้สุขภาพดีมีวิธีมาแนะนำ

หลายคนอาจจะชื่นชอบที่แมวของตัวเองอ้วนตุ๊บตั๊บน่ากอด เพราะแมวอ้วนนั้นจะมีความน่ารักน่าชังเป็นพิเศษ พวกเขามักจะมีท่าทางที่ทำให้เราตกหลุมรักได้อย่างง่ายดายอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตามความจริงแล้วการที่เราปล่อยให้พวกเขามีน้ำหนักมากจนเกินไปนั้นอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีตามมาก็เป็นได้โดยเฉพาะผลเสียทางสุขภาพของพวกเขาเอง วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาดูวิธีการลดความอ้วนแมวอย่างไรให้พวกเขามีสุขภาพดีให้ทุกคนได้ลองทำตามกัน

เปิดเทคนิคการลดน้ำหนักแมวให้พวกเขาสุขภาพดี 

  1. จำกัดปริมาณอาหาร เป็นเรื่องที่เจ็บปวดใจแต่หากคุณอยากลดความอ้วนแมวคุณก็จำเป็นต้องทำเพื่อที่พวกเขาจะได้มีสุขภาพแมวที่ดีขึ้น เพราะหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีน้ำหนักเกินอาจเป็นเพราะว่าพวกเขากินอาหารมากเกินความจำเป็นก็ได้ หลายคนอาจเข้าใจว่าพวกเขาสามารถกินอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ได้แต่ไม่ได้เป็นแบบนั้นแต่อย่างใด เราจะต้องคำนวณปริมาณอาหารให้พวกเขาอย่างพอเหมาะในแต่ละวัน 
  2. เปลี่ยนอาหาร อาหารบางอย่างอาจจะทำให้พวกเขาอ้วนขึ้นมาได้เนื่องจากมีพลังงานที่สูง ยิ่งหาพวกเขาอยู่แต่ในบ้านและไม่ค่อยได้วิ่งเล่นสักเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะน้ำหนักเกิน ดังนั้นลองเปลี่ยนสูตรอาหารอย่างเช่นสูตรแมวในบ้านหรือสูตรแมวลดน้ำหนักก็น่าจะพอช่วยให้พวกเขาน้ำหนักลดลงได้บ้าง 
  1. หลีกเลี่ยงขนม ถึงแม้ว่าแมวของคุณจะชื่นชอบการกินขนมมากแค่ไหนก็ตามแต่หากเราให้พวกเขากินมากจนเกินไปหรือขนมเหล่านั้นมีพลังงานสูงเราก็อาจจะต้องให้พวกเขาน้อยลงกว่าเดิม แต่หากเราไม่อยากจะให้พวกเขาคิดว่าเราไม่รักก็สามารถเปลี่ยนไปให้ขนมพวกเขาเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำแทนก็ได้เช่นเดียวกัน 
  2. พาออกกำลังกาย การที่แมวมีน้ำหนักเกินอาจเกิดจากการที่ในวันหนึ่งพวกเขาไม่ค่อยได้ขยับร่างกายสักเท่าไหร่ ยิ่งหากพวกเขาทำหมันแล้วพวกเขาจะยิ่งขี้เกียจมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก เราจึงอาจจะต้องกระตุ้นให้พวกเขาออกกำลังกายบ้างอย่างเช่นชวนพวกเขาเล่นหรือพาไปเดินเล่นเป็นต้น

สิ่งที่จะตามมาหากคุณยังไม่ยอมลดน้ำหนักแมว 

หากแมวของคุณมีน้ำหนักเกินและคุณไม่ยอมใจแข็งลดความอ้วนแมวสักทีรับรองว่าสุขภาพแมวจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ถึงพวกเขาจะน่ารักแต่ก็มีความเสี่ยงในการเป็นโรคทั้งความดันโลหิตสูง หัวใจ เบาหวาน ไขมันพอกตับ และยังอาจมีปัญหาเกี่ยวกับข้ออีกด้วย ดังนั้นเราจึงต้องดูแลสุขภาพร่างกายของพวกเขาให้แข็งแรงและเหมาะสมอยู่เสมอ พวกเขาจะได้อยู่กับเราไปนานๆ guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

เอดส์แมว โรคร้ายแรงในแมว ที่ควรระวังไว้

แมวป่วย เป็นปัญหาหนักอกหนักใจที่เหล่าทาสแมวไม่อยากให้เกิดขึ้นแน่นอน เพราะนอกจากจะสงสารที่น้องแมวต้องทนทุกข์ทรมานจากการเป็นโรคแล้ว ก็ยังนำมาซึ่งปัญหาทางด้านค่าใช้จ่ายได้เลย โดยเฉพาะเมื่อแมวเป็นโรคที่รักษายาก หรือป่วยเป็นโรคที่มีอาการหนัก ยิ่งป่วยหนักค่ารักษาพยาบาลก็เยอะขึ้นตามมา ทางที่ดีก็ควรพาน้องแมวไปรับวัคซีนแมว หรือศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่เกิดขึ้นกับแมวไว้ด้วย เพื่อให้ป้องกันแมวจากอาการเจ็บป่วยร้ายแรงได้ ซึ่งโรค เอดส์แมว ก็เป็นโรคที่มองข้ามไปไม่ได้เลย

เอดส์แมว อีกหนึ่ง โรคติดต่อแมว ที่ทาสควรรู้จัก

เอดส์แมว หรือ โรคไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคที่คุ้นหูกันในชื่อ FIV เป็นโรคติดต่อในน้องแมว ที่จะสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางน้ำลาย โดยแมวจะติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม LENTIVIRUS ที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายของแมวแล้ว ก็จะเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของแมว 

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะสามารถพบเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ที่น้ำไขสันหลังของแมว, ทางเลือด หรือว่าทางน้ำลายของน้องแมวนั่นเอง โดยเฉพาะหากว่าแมวมีการต่อสู้กัน ถ้ามีตัวใดตัวหนึ่งเป็นโรคนี้ ก็จะทำให้แมวอีกตัวติดเชื้อได้เช่นกัน

แมวเพศผู้ มีโอกาสติดเชื้อเอดส์แมว ได้มากกว่าเพศเมีย

แมวที่มีโอกาสติดเชื้อ และเป็นโรค FELINE IMMUNODEFICIENCY VIRUS ได้มากกว่า คือ แมวที่เป็นเพศผู้ ที่จะมีโอกาสติดเชื้อมากกว่าแมวเพศเมีย เนื่องจากว่าแมวตัวผู้จะมีการต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงแมวตัวเมีย ทำให้โอกาสที่จะติดเชื้อกันนั้นก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมากขึ้น ทั้งนี้ในกรณีของการผสมพันธุ์กันของแมว เป็นสิ่งที่ไม่ทำให้แมวเกิดโอกาสติดเชื้อไวรัสของโรคนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม โรคนี้ก็ถือว่าเป็นโรคติดต่อในแมวที่ร้ายแรง ซึ่งทางแมวจะมองข้ามไปไม่ได้เลย

เมื่อแมวเป็น เอดส์แมว จะแสดงอาการอะไรบ้าง

อาการเอดส์แมว ในแมวที่ป่วยเป็นโรค เอดส์แมว ก็มักจะพบว่าทั่วไปแล้ว แมวมักจะมีอาการไข้, เซื่องซึม และไม่อยากกินอาหาร หลังจากนั้นอาการของน้องแมวที่ป่วยเป็นโรคนี้ก็จะค่อย ๆ มีมากขึ้น แม้ว่าจะในช่วงแรกอาการที่เป็นจะหายไป แต่ในระยะยาวแล้วก็จะมีอาการตามมาอีกในแบบที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายของแมวอ่อนแอลงเรื่อย ๆ จึงทำให้ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสที่เข้ามาในร่างกายได้ สิ่งนี้เองที่ทำให้อาการเจ็บป่วยที่เป็นหายได้ยากมากขึ้น 

นอกจากนั้นแล้ว แมวที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น การมีช่องปากและเหงือกอักเสบ, ต่อมน้ำเหลืองโต, มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อีกทั้งแมวอาจจะน้ำหนักลดลง ผอม และอาจจะมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้นได้ด้วย ซึ่งในที่สุดแมวก็อาจจะเสียชีวิต

อาการเอดส์แมว แบ่งออกเป็น 5 ระยะ

ทั้งนี้อาการของโรคนี้ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ระยะ คือ ระยะเฉียบพลัน ที่น้องแมวจะมีไข้ประมาณ 2-3 วัน หรืออาจนานกว่านั้นเป็นสัปดาห์ และจะเริ่มมีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมอักเสบ ระยะต่อมา ก็จะเป็นระยะแฝง ที่อาการของแมวจะไม่แสดงออกมาชัดเจนนัก 

แต่ถึงอย่างนั้นในร่างกายของแมวก็มีเชื้อไวรัสอยู่แล้ว และระยะที่สาม ก็จะเป็นระยะแสดงอาการ ในระยะนี้แมวจะแสดงอาการออกมาหลายอย่าง เช่น มีไข้สูง, เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด ระยะนี้จะแสดงอาการยาวนานประมาณ 6 เดือน หรือเป็นปี

ระยะที่สี่ เป็นระยะเรื้อรัง ที่น้องแมวจะอยู่ในสภาพของการป่วยติดเชื้อ จะพบอาการช่องปาก หรือบริเวณเหงือกอักเสบ, ต่อมน้ำเหลืองใหญ่มากขึ้น, เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง หรือโลหิตจาง โดยอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นเดือน หรืออาจเป็นปีเลยก็ได้ และเมื่อถึง เอดส์แมว ระยะสุดท้าย ก็จะพบว่าแมวมีสุขภาพที่ทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น จากนั้นเวลาต่อมาน้องแมวก็จะเสียชีวิตลงในที่สุด

หากอยากรู้ว่า แมวเป็นเอดส์ ไหม จะต้องตรวจอะไรบ้าง

หากทาสแมวพบว่าน้องแมวที่บ้านของตัวเอง มีอาการที่คล้ายกับว่าจะเป็นโรค เอดส์แมว สิ่งที่ต้องทำเมื่ออยากรู้ว่าแมวของตัวเองเป็นโรคนี้หรือไม่ ก็จำเป็นที่จะต้องพาน้องแมวไป ตรวจเอดส์แมว ด้วย โดยในการตรวจจะเริ่มจากการที่ สัตวแพทย์ จะทำการตรวจร่างกายในเบื้องต้น พร้อมกับการถามประวัติของน้องแมวก่อน ว่ามีการเลี้ยงอย่างไรบ้าง, เคยเป็นแมวจรมาก่อนไหม หรือว่าเคยโดนแมวตัวอื่นกัดมาหรือไม่ 

หลังจากนั้นในขั้นตอนต่อไป แพทย์จะทำการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วยการใช้ชุดตรวจ เนื่องจากว่าจะทำให้มีความแม่นยำในการตรวจหาโรคมากขึ้น หรือนอกจากนั้นแพทย์อาจจะทำให้ตรวจเพิ่มอีกด้วยการ PCR ที่จะแม่นยำมากขึ้นไปอีก และรวมถึงถ้าตรวจแล้วยังไม่เจออาการ ก็จะให้มีการตรวจหาเชื้อซ้ำอีก 6 เดือน เพื่อเป็นการช่วยยืนยันผลของการตรวจหาเชื้อ

ทั้งนี้ สำหรับน้องแมวที่มาอายุไม่ถึง 6 เดือน และหากว่าตรวจแล้วพบเชื้อว่าเป็นบวก ก็จะต้องทำการกลับมาตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งหลังที่อายุเกิน 6 เดือนไปแล้ว เนื่องจากว่าลูกแมวมีโอกาสที่จะได้รับภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นในร่างกายจากแม่แมว ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ทราบได้ว่าลูกแมวอาจจะไม่ได้ติดเชื้อโรคจริง เป็นแค่ผลลวงที่เกิดขึ้น หรืออาจจะเป็นช่วงที่ร่างกายยังไม่ทันได้สร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคขึ้นมา จึงทำให้สามารถตรวจเป็นผลลวงขึ้นมาได้นั่นเอง

แมวเป็นเอดส์ รักษายังไง สามารถรักษาให้หายได้ไหม

สิ่งที่จะตามมาหลังจากที่ทราบแน่ชัดแล้วว่า แมวป่วยเป็นโรคเอดส์จริง ๆ ก็คือความกังวลของทาสแมวที่ว่า เอดส์แมวหายไหม หรือว่าจะมีวิธีการไหนไหมที่จะช่วย รักษาเอดส์แมว ให้แมวหายให้ได้ ความจริงแล้วคือ หากพบว่าแมวป่วยเป็นโรคนี้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่จะทำได้เพียงแค่การรักษาเพื่อทำให้แมวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น และป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นกับแมว รวมถึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับแมว ซึ่งวิธีการรักษาแมวที่เป็นเอดส์ สามารถทำได้ตามวิธีดังต่อไปนี้

  • แมวที่ป่วยเป็นเอดส์จะต้องรับยาที่มีผลในการต่อต้านไวรัส และเป็นยาที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับแมว โดยตัวยาที่นิยมนำมาใช้กัน ก็คือ ยา INTERFERON ที่เป็นแบบฉีดในโดสสูงมาช่วยต้านไวรัส แต่ในทั้งนี้การใช้ยา NTERFERON แบบฉีดก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากทีเดียว
  • การให้ยาต้านไวรัสของมนุษย์กับแมวที่เป็นโรคเอดส์ เช่น ยา AZT ที่ผ่านการทดลองมาแล้วว่า สามารถต้านไวรัสให้กับแมวได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นตัวยาที่มีค่าใช้จ่ายถูกด้วย แต่ทั้งนี้ก็เป็นยาที่ส่งผลข้างเคียงต่อน้องแมวเช่นกัน เพราะทำให้อาจเกิดภาวะโลหิตจาง หรือตัวยาไปกดไขกระดูกได้
  • การรักษาด้วยสมุนไพร หรือว่าสารสกัดที่ได้มาจากธรรมชาติ เช่น การใช้ชาเขียว, เมล็ดองุ่น หรือว่าอิชินาเชีย
  • หากว่าแมวที่ป่วยเป็นโรคนี้มีอาการแทรกซ้อน ก็จะทำการรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นตามอาการ
  • ในกรณีที่น้องแมวกินอาหารน้อย แพทย์จะทำการให้ยากระตุ้นแมวให้อยากอาหารเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งให้อาการเสริมร่วมด้วย โดยจะเป็นอาหารเสริมด้านโปรตีน, แร่ธาตุ และวิตามิน เพื่อทดแทนในส่วนที่แมวได้รับไม่เพียงพอ เนื่องจากการกินอาหารน้อยนั่นเอง
  • ในการรักษาควรหลีกเลี่ยงไม่ให้น้องแมวได้รับยาที่มีผลต่อการกดภูมิคุ้มกัน เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์

แมวที่ป่วยเป็น เอดส์แมว อยู่ได้นานไหม

แน่นอนว่าแม้จะพบว่าแมวป่วยเป็นโรคร้ายแรงอย่างโรค เอดส์แมว เหล่าทาสแมวเองก็อยากที่จะให้น้องสามารถอยู่กับทาสต่อไปได้นาน ๆ การจะทำให้สามารถยื้อชีวิตน้องแมวต่อไปได้ ก็คงต้องพึ่งพาการรักษาจากแพทย์ และทางเจ้าของแมวเองก็จำเป็นที่จะต้องสังเกตอาการต่าง ๆ ของน้องแมวด้วย เนื่องจากว่าแมวที่ป่วยเป็นโรคนี้อาจเกิดอาการอื่น ๆ แทรกซ้อนขึ้นมาได้ ซึ่งหากว่าน้องแมวมีอาการรุนแรงมากขึ้น โอกาสที่จะช่วยยื้อชีวิตให้แมวรอดไปได้นานขึ้นนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากขึ้น

สำหรับน้องแมวที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ หลังจากการติดเชื้อไปแล้ว 4-6 ปี 20% จะสามารถมีชีวิตต่อไปได้ไม่นาน และจะเสียชีวิตลงในที่สุด แต่ทั้งนี้มากกว่า 50% ของแมวที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ก็พบว่าแมวมักจะไม่มีการแสดงอาการใด ๆ ออกมาเลยหลังจากที่เป็นโรคนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ติดเชื้อไปแล้วแมวจะเริ่มซูบผอมลง และมีการติดเชื้อมากขึ้น ร่วมกันกับมีอาการอักเสบที่เหงือก หรือว่าช่องปาก ก็จะทำให้การรักษาเป็นได้ยากมากขึ้น เพราะอาการเหล่านี้จะส่งผลทำให้ไม่ตอบสนองต่อการรักษานั่นเอง 

วิธีการที่ช่วยป้องกัน ให้แมวห่างไกลจาก โรคเอดส์แมว สามารถทำได้อย่างไรบ้าง

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า โรคเอดส์ในแมวเป็นโรคที่ร้ายแรง และไม่มีโอกาสที่จะรักษาหายได้ เมื่อเป็นเช่นนี้หนทางที่ดีที่สุด คือ การดูแลสุขภาพของน้องแมวให้ดี ให้แข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันที่ดี รวมถึงจะต้องหมั่นพาน้องแมวไปตรวจเช็กร่างกายอยู่เสมอด้วย นอกจากนั้นแล้ว วิธีการที่จะช่วยป้องกันให้แมวห่างไกลจากการเป็นโรคนี้ ทาสแมวก็ควรปฏิบัติดังนี้ 

  • หากว่ามีแมวในบ้านเป็นโรคเอดส์ ก็จะต้องแยกออกจากแมวตัวอื่น ๆ ในบ้าน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการทำให้แมวติดเชื้อ
  • เจ้าของควรพาแมวไปพบแพทย์อยู่เสมอ พร้อมกับการตรวจหาโรคเอดส์บ่อย ๆ เพื่อให้ทราบได้ว่าแมวเป็นโรคเอดส์ไหม
  • เมื่อมีการนำแมวใหม่เข้ามาในบ้าน ควรทำการแยกแมวตัวใหม่ออกจากแมวตัวอื่น ๆ ในบ้านก่อน เพื่อเป็นการเช็กว่าแมวมีอาการผิดปกติอะไรหรือไม่ ที่สำคัญควรเช็ด และทำความสะอาดพื้นที่ รวมถึงของใช้ต่าง ๆ ที่จะแมวใช้ด้วย 
  • วิธีการที่ดีที่สุด ที่จะช่วยป้องกันให้แมวห่างไกลจากโรคนี้ ก็คือ การพาแมวไปฉีด วัคซีนเอดส์แมว แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ป้องกันเลย

เอดส์แมวติดคนไหม คำถามที่เหล่าทาสแมวอยากรู้

โรค เอดส์แมว เป็นโรคติดต่อในแมวที่อันตรายมาก ๆ และเป็นโรคที่มีการติดเชื้อกันระหว่างแมวสู่แมว แต่ในกรณีของคนนั้น แน่นอนว่าเหล่าทาสแมวอาจจะมีความกังวลใจด้วยว่าจะสามารถติดเชื้อจากน้องแมวได้ไหม ต้องบอกเลยว่า สำหรับโรคนี้จะเป็นการติดเชื้อของแมวด้วยกันเท่านั้น และจะไม่ติดต่อมาสู่คนแน่นอน เนื่องจากว่าไม่สามารถติดต่อกันแบบข้ามสายพันธุ์ได้ เหล่าทาสทั้งหลายจึงหมดกังวลเรื่องนี้ไปได้เลย

บทสรุป

จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็ทำให้ทาสแมวได้เข้าใจมากขึ้นแล้วว่า โรคเอดส์แมว คือ อะไร เมื่อน้องแมวเป็นจะแสดงอาการอย่างไรบ้าง และสามารถรักษาให้หายได้ไหม รวมถึงยังช่วยทำให้ทราบถึงวิธีป้องกันไม่ให้แมวเป็นโรคนี้ได้ด้วย ซึ่งการที่สามารถช่วยป้องกันแมวจากโรคนี้ได้ นอกจากที่จะช่วยทำให้น้องแมวอยู่กับทาสไปได้อีกนาน ก็ยังช่วยให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิมด้วยนั่นเอง guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

รีวิว อาหารแมวโรคไต ยอดนิยม และขายดีที่สุดประจำปี

ปัจจุบัน อาหารแมวโรคไต มีวางขายตามท้องตลาดมากมาย บทความนี้เราจึงได้คัดสรร อาหารแมวยี่ห้อไหนไม่เค็ม สำหรับคนที่เลี้ยงแมวส่วนใหญ่อาจจะพอทราบกันอยู่แล้วว่า เนื่องจากอาหารแมวที่มีรสเค็มนั้นจะมีปริมาณโซเดียมสูง ซึ่งเมื่อทานต่อเนื่องกันเป็นเวลานานไปจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ 

ปัจจุบันหลาย ๆ บ้านจึงเริ่มหันมาเลือกซื้ออาหารแมวสูตรที่มีโซเดียมต่ำ เพราะนอกจากจะมีสารอาหารครบถ้วนแล้ว ยังมีการจำกัดปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมต่อสุขภาพแมว จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงในระยะยาว หรือโรคไตที่มักพบได้บ่อยในแมวอีกด้วยค่ะซึ่งจะมี อาหารแมวยี่ห้อไหนดี มีอะไรบ้างมาดูกัน

10  อาหารแมวโซเดียมต่ำ ยี่ห้อไหนดี ไม่เค็ม ลดโรคไต

ก็พอจะทราบแนวทางในการเลือกอาหารแมวโซเดียมต่ำกันแล้ว ทีนี้ทาสแมวที่กำลังมองหาอาหารแมวโซเดียมต่ำหรือ อาหารแมวโรคไต จะง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะเราได้คัดสรรสิ่งดี ๆ มาให้คุณแล้ว กับ 10 อันดับอาหารโซเดียมต่ำสำหรับน้องแมว ซึ่งจะมียี่ห้อไหนบ้างที่กินแล้วไม่เค็ม สุขภาพดี ไปดูกันค่ะ

อาหารเปียก ROYAL CANIN EARLY RENAL

อาหารแมว ยี่ห้อแรกที่เราจะมาแนะนำกัน อาหารแมวรอยัลคานิน อาหารสัตว์ชื่อดังที่ชาวทาสแมวรู้จักกันดี โดยอาหารเปียกสูตรนี้ก็เป็นอาหารเปียกสูตรสำหรับ แมวเป็นโรคไต โดยเฉพาะ ซึ่งแน่นอนามีปริมาณของโซเดียม และฟอสฟอรัสที่ต่ำกว่าปกติ 

เพื่อลดภาระการทำงานของไต และยังมีส่วนผสมของกรดไขมัน EPA, DHA ที่ให้พลังงาน และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงร่างกาย รวมถึงสุขภาพของลำไส้ให้ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้อีกด้วย แต่เป็นอาหารเปียกที่เหมาะสำหรับแมวอายุ 1 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับแมวเด็กค่ะ สำหรับใครที่สนใจ อาหารแมวโรคไต หรือ อาหารแมวเพื่อสุขภาพ แบรนด์นี้สามารถสั่งซื้อหรือดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://bit.ly/3IN66iM

อาหารแมวแบบเปียก HILL’S PRECRIPTION DIET

อีกหนึ่งตัวที่เราอยากแนะนำมาจากแบรนด์ Hill’s อาหารเปียกสูตรโซเดียม และฟอสฟอรัสต่ำ ซึ่งมีโซเดียมอยู่เพียง 0.24% ทำให้ แมวเป็นไต สามารถทานได้ เพราะไม่ทำให้หัวใจ และไตทำงานหนักจนเกินไป อักทั้งยังมีกรดอะมิโน และโปรตีนคุณภาพดีที่ดูดซึมได้เร็ว ทำให้ร่างกายของน้องแมวได้รับพลังงานอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของวิตามิน E, C, โอเมก้า 3 และแอลคาร์นิทีน เหมาะสำหรับแมวอายุ 1 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับแมวเด็กค่ะ

สำหรับใครที่สนใจ  อาหารแมวยี่ห้อไหนดี หรืออาหารแมวโรคไต แบรนด์นี้สามารถสั่งซื้อหรือดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://bit.ly/3mnyoIR

CAT MOJO  อาหารแมวเกรด Holistic สูตรโซเดียมต่ำ

อาหารแมวเกรด Holistic อีกตัวที่อยากมาแนะนำกัน อาหารเม็ดแมว สูตรโซเดียมต่ำเป็นอาหารสูตรที่เหมาะสำหรับแมวอายุ 4 เดือนขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับแมวเด็ก ที่มีส่วนผสมของโซเดียมเพียง 0.21% เท่านั้น

 อาหารแมวโรคไต ช่วยให้ไตของน้องแมวไม่ต้องทำงานหนักมีส่วนผสมของใยอาหารจากธรรมชาติช่วยในเรื่องการขับถ่าย และยังเป็น อาหารแมวเพื่อสุขภาพ  อีกหนึ่งยี่ห้อเพราะมีสารสกัดจากเมล็ดทานตะวัน, น้ำมันปลา, อีฟนิ่งพริมโรส ที่ช่วยบำรุงเส้นขน และผิวหนังให้แข็งแรงอีกด้วย สำหรับใครที่สนใจอาหารแมวโรคไต แบรนด์นี้สามารถสั่งซื้อหรือดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://bit.ly/3kzQDdW

CLOVER ULTRA HOLISTIC  อาหารแมวแบบเม็ด

อาหารแมวโรคไต จากแบรนด์ Clover ที่มาในสูตร Ultra Holistic เหมาะสำหรับ แมวอายุ 2 เดือนขึ้นไปอาหารแมว ที่จะไม่มีส่วนผสมของธัญพืช แต่จะเน้นโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของแมวที่มาจากเนื้อสัตว์ถึง 95% ทั้งไก่, ทูน่า และแซลม่อน แต่ก็มีปริมาณไม่สูงเกินไปจนร่างกายดูดซึมไม่หมด อีกทั้งอาหารสูตรนี้ยังมีการควบคุมปริมาณโซเดียม รวมถึงยังเหมาะกับแมวที่แพ้ธัญพืชอีกด้วย

 สำหรับใครที่สนใจ  อาหารแมวยี่ห้อไหนดีต่อไต หรืออาหารแมวโรคไตแบรนด์นี้สามารถสั่งซื้อหรือดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://bit.ly/3kAP5jT

COHOO COHOO อาหารเสริมบำรุงแมว

หากน้องแมวตัวไหนที่ป่วย แน่นอนว่าปัญหาที่ตามมาคือปัญหาเบื่ออาหาร และทานอาหารยาก อาหารเสริมแมว เหมาะสำหรับแมวอายุ 3 เดือนขึ้นไป จากแบรนด์ ChooChoo ตัวนี้ช่วยคุณได้ค่ะ เพราะเป็นอาหารเสริมในรูปแบบซุปที่ทานได้ง่าย อาหารแมวป่วย ที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ เหมาะสำหรับใช้เป็นอาหารเสริมให้น้องแมวเป็นโรคไต และเริ่มเบื่ออาหารเพราะมีปริมาณของโซเดียม และฟอสฟอรัสต่ำ อีกทั้งยังช่วยให้น้องแมวได้รับปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีกด้วยสำหรับ 

ใครที่สนใจ อาหารแมวยี่ห้อไหนดีต่อไต หรืออาหารแมวโรคไต แบรนด์นี้สามารถสั่งซื้อหรือดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://bit.ly/3kP7UQ9

MAXIMA CAT MAINTENANCE อาหารแมวแบบเม็ด

อาหารแมว โรคไต MAXIMA เป็นที่รู้กันในชาวทาสแมวว่าเป็นแบรนด์ที่จะได้อาหารแมวคุณภาพดี อาหารแมวราคาถูก ในปริมาณที่คุ้มค่าคุ้มราคามาก ๆ ซึ่งอาหารแมวแบบเม็ดตัวนี้ก็เป็นสูตรควบคุมระดับของเกลือ ช่วยป้องกันการเกิดโรคไตวาย และยังควบคุมปริมาณของแมกนีเซียมเพื่อป้องกันการเกิดโรคนิ่ว อุดมไปด้วยโปรตีนจากเนื้อแกะ และเนื้อปลา ปราศจากส่วนผสมของธัญพืช และผสม MOS ช่วยเรื่องระบบการทำงานของทางเดินอาหาร เหมาะสำหรับแมวทุกสายพันธุ์, แม่แมว, ลูกแมว

ใครที่สนใจ อาหารแมวยี่ห้อไหนดีต่อไต หรือ อาหารแมวโรคไต แบรนด์นี้สามารถสั่งซื้อหรือดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://bit.ly/3y4Tvm0

CANAGAN  อาหารแมว สูตรปลาแซลมอน

อาหารแมว แบบเม็ดสูตรโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับแมวอายุ 2 เดือนขึ้นไป ที่มีปริมาณโซเดียมเพียง 0.25% แต่มีส่วนผสมจากเนื้อปลาทะเลแท้ ๆ ถึง 85% นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของผัก, ผลไม้ และสมุนไพร ที่ช่วยบำรุงระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยมาในรูปทรงเม็ดอาหารที่มีขนาดเล็ก น้องแมวเคี้ยวง่าย ช่วยให้ทานได้เยอะขึ้นค่ะ แต่เป็น อาหารแมว ราคา ทีค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอาหารแมวแบรนด์อื่น ๆ ในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน

ใครที่สนใจ อาหารแมวเพื่อสุขภาพ หรือ อาหารแมวโรคไต แบรนด์นี้สามารถสั่งซื้อหรือดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://bit.ly/3mk6P3t

Kaniva ชุดเซ็ตอาหารแมวโซเดียมต่ำ สำหรับแมวทุกสายพันธุ์

อาหารแมวไม่เค็ม เกรดพรีเมียมเม็ดสูตรโซเดียมต่ำ ที่อุดมไปด้วยสารอาหารจากจากเนื้อไก่, ปลาทูน่า และข้าว อาหารแมวเพื่อสุขภาพ ที่จะช่วยให้น้องแมวมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง อีกทั้งยังมีส่วนผสมของน้ำมันปลาแซลมอน และน้ำมันพริมโรส ที่ช่วยบำรุงสายตา และช่วยบำรุงเส้นขนให้เงางาม มีส่วนผสมของไซลีนช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน มีส่วนผสมของพรีไบโอติกส์ และใยอาหารจากธรรมชาติช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และยังช่วยดูแลสุขภาพลำไส้ของน้องแมวอีกด้วย

ใครที่สนใจ อาหารแมวเพื่อสุขภาพ หรือ อาหารแมวโรคไต แบรนด์นี้สามารถสั่งซื้อหรือดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://bit.ly/3SQCXrC

บทสรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ อาหารแมวโรคไต สูตรโซเดียมต่ำหลากหลายแบรนด์ จะเห็นได้ว่าอาหารแมวบางสูตรที่มีโซเดียมต่ำนั้น เป็นอาหารแมวสำหรับ แมวเป็นโรคไต ทำให้มีการจำกัดปริมาณโซเดียม โปรตีน และสารอาหารสำคัญบางชนิด จึงไม่ค่อยเหมาะกับแมวสุขภาพปกติที่ต้องการสารอาหารครบถ้วน ดังนั้นถ้าหากน้องไม่ได้ป่วย ก็แนะนำให้เลือกซื้ออาหารแมวสูตรโซเดียมต่ำที่ไม่ได้กำกับเอาไว้ว่าเหมาะสำหรับน้องแมวที่เป็นโรคไตก็จะดีกว่า เพื่อจะได้รับอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายจะดีกว่าค่ะ guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

พฤติกรรมแมวสามารถบอกได้ว่าวันนี้พวกเขามีความสุขและสุขภาพดีหรือไม่

สิ่งที่คนเลี้ยงแมวต้องการก็คือการได้เห็นแมวของตนเองนั้นมีความสุขและสุขภาพดี มันทำให้คนเลี้ยงอย่างเรารู้สึกมีความสุขไปด้วยถึงแม้ว่าบางครั้งเราเองอาจจะไม่ได้เป็นคนที่แมวรักเลยก็ตามที แต่เพราะแมวน้ำเป็นสัตว์ที่แสดงออกไม่เก่ง มันเลยทำให้เราไม่รู้ว่าในตอนนี้พวกเขามีความสุขและสุขภาพดีมากน้อยแค่ไหน เราจึงจะพาทุกคนไปสังเกตพฤติกรรมแมวกันว่าพฤติกรรมแบบไหนที่กำลังบอกว่าพวกเขากำลังมีวันดีๆ อยู่

happy cat

รวมพฤติกรรมของแมวที่กำลังบอกว่าพวกเขามีความสุขและสุขภาพดี 

  1. การสำรวจบ้าน หากคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าแมวมีพฤติกรรมแมวออกสำรวจบ้านตั้งแต่ยังเช้า คนนู้นคนนี้ว่ามีอะไรใหม่ๆ ที่พวกเขาไม่ได้ทำความคุ้นเคยก่อนหน้านี้เหลืออยู่อีกหรือไม่ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจภายในบ้านหรือแม้แต่นอกบ้านก็ตาม อาการนี้สามารถบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขากำลังมีความสุขและสุขภาพดีอย่างไม่ต้องสงสัย 
  2. การรับประทานอาหาร ให้เราสังเกตว่าแมวของเรายังคงสามารถรับประทานอาหารได้ดีเยี่ยมเหมือนเดิมหรือไม่ หากพวกเขารับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมเมื่อเราให้อาหารพวกเขาอยู่เป็นประจำก็แปลว่าไม่มีอะไรน่ากังวลใจ พวกเขายังคงมีสุขภาพที่ดีและเป็นแมวมีความสุขดีนั่นเอง 
happy cat2
  1. การบิดขี้เกียจ เป็นพฤติกรรมที่หลายคนหลงรักเป็นอย่างมากเพราะเวลาแมวบิดขี้เกียจนั้นพวกเขาจะน่ารักน่าชังเป็นพิเศษ แถมมันยังเป็นพฤติกรรมที่พวกเขามักจะทำอยู่ตลอดเวลาเป็นประจำทุกวันอีกด้วย การที่พวกเขายืดเส้นของตนเองนั้นจะส่งผลดีต่อสุขภาพของพวกเขา ช่วยให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายและยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 
  2. การนอนกลางวัน แมวเป็นสัตว์นักล่าที่โดยปกติทั่วไปและตามสัญชาตญาณพวกเขามักจะหากินตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน ดังนั้นในช่วงเวลากลางวันพวกเขาจึงมักจะนอนหลับพักผ่อนก่อนที่จะตื่นมาวุ่นวายในช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ตก นอกจากนี้พวกเขายังเป็นสัตว์ที่นอนได้อย่างยาวนานถึง 16 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว เราจึงต้องสังเกตว่าพวกเขายังนอนกลางวันได้ตามปกติหรือไม่ หาพวกเขายังนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายใจ เราก็สามารถสบายใจไปด้วยได้เลยเพราะพวกเขากำลังรู้สึกผ่อนคลายแบบสุดๆ นั่นเอง
happy cat1

การชมวิว พฤติกรรมที่บอกว่าแมวกำลังมีความสุขและสุขภาพดี 

แมวก็เหมือนมนุษย์ที่หากสุขภาพดีและมีความสุขก็จะดำเนินชีวิตไปตามปกติทั่วไป สำหรับมนุษย์อาจเป็นการออกไปเรียนหรือทำงาน แต่สำหรับแมวแล้วพฤติกรรมแมวที่พวกเขาชื่นชอบมากที่สุดก็คงจะเป็นการชมนกชมไม้ดูวิวข้างนอกที่ไม่เคยออกไปสัมผัสกับของจริงมาก่อน หากพวกเขายังคงชมนกชมไม้ตามปกติก็หมายว่าพวกเขาเป็นแมวมีความสุขดีและสุขภาพยังแข็งแรงมากพอที่จะทำในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบได้ ในขณะที่ทาสอย่างพวกเรานั้นก็ต้องหาวิธีการที่พวกเขาได้ชมนกชมไม้อย่างสะดวกสบายมากที่สุดต่อไป guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

แมวหายใจแรง สัญญาณที่กำลังอาจบอกว่าสัตว์เลี้ยงของคุณป่วย

สิ่งที่คนเลี้ยงสัตว์จำเป็นจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอนั่นก็คือการสังเกตพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงเราว่าพวกเขายังคงสบายดีอยู่หรือไม่ เพราะบางทีเราก็อาจจะเห็นสัญญาณที่เตือนว่าสัตว์เลี้ยงของเราอาจป่วยจากการที่เราหมั่นสังเกตก็เป็นได้มันช่วยให้เราสามารถพาพวกเขาไปพบแพทย์เพื่อหาต้นตอความผิดปกติและรับการรักษาได้ทันไม่เว้นแม้กระทั่งอาการเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นแมวหายใจแรงที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ สำหรับคนเลี้ยงแมวแล้วคงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติที่สัตว์เลี้ยงของเราจะหายใจแรง จนบางทีเราก็ไม่ทันได้ระวังว่ามันอาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าแมวของเรากำลังป่วยอยู่ก็เป็นได้ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาดูกันว่าอาการดังกล่าวของแมวนั้นกำลังจะบอกอะไรกับเราบ้าง 

sick cat1

เปิดสาเหตุและวิธีการสังเกตเมื่อแมวของเราหายใจแรง 

แมวหายใจแรงนั้นเป็นอาการที่เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า อาการของพวกเขานั้นจะไม่เหมือนกับอาการที่พวกเขาหายใจแรงตามปกติทั่วไป แต่ดูเหมือนแมวป่วยที่ต้องใช้แรงในการหายใจมากขึ้นกว่าเดิมหรือการหายใจนั้นดูมีแรงกระแทกผิดปกติ พฤติกรรมที่มักเกิดขึ้นร่วมด้วยก็คือพวกเขานั้นมักจะนั่งหมอบอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถนอนลงไปได้ทั้งท่านอนหงายหรือนอนตะแคง สาเหตุสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกันไม่ว่าจะเป็น

sick cat
  1. ท่อลมบนทางเดินหายใจส่วนบนมีสิ่งแปลกปลอมขัดขวางอยู่ อย่างเช่นการมีปัญหาเนื้องอก การติดเชื้อรา การมีน้ำมูกในปริมาณที่มาก หรือแม้แต่การมีก้อนเนื้อบริเวณโพรงจมูกหรือคอหอย 
  2. ทางเดินหายใจส่วนล่างถูกขัดขวาง อย่างเช่นการที่หลอดลมตีบจากอาการแพ้เนื่องจากแมวนั้นก็สามารถเป็นภูมิแพ้ได้เช่นเดียวกัน อาการที่เรามักจะเห็นร่วมด้วยก็คือหายใจลำบากจนมีเสียงดังออกมา พวกเขาจะต้องใช้แรงในการหายใจผิดปกติ
  3. มีปัญหาในระบบหลอดลมฝอยและปอด อย่างเช่นการมีภาวะน้ำท่วมปอดเนื่องจากหัวใจวาย มีการป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ อาการที่พบได้บ่อยร่วมด้วยก็คือพวกเขาจะแสดงอาการหายใจลำบากผิดปกติไม่ว่าจะเป็นการหายใจเข้าหรือออกก็ตาม หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณช่องอกไม่ว่าจะเป็นของเหลว ของแข็ง หรือแก๊ส พวกเขานั้นจะรู้สึกหายใจลำบากมากขึ้นแต่ไม่ส่งเสียงดังแต่อย่างใด 
  4. การมีน้ำในช่องอก อาการที่พบร่วมด้วยก็คือพวกเขามักจะไม่สามารถนอนหงายหรือนอนตะแคงได้เนื่องจากปริมาณของเหลวที่อยู่ในช่องอกหรือช่องท้องมีปริมาณมาก 
  5. ป่วยเป็นโรคหวัดแมว หากแมวของคุณไม่ได้ฉีดวัคซีนแล้วเลี้ยงระบบเปิดก็อาจจะไปติดเชื้อไวรัสไข้หวัดแมวซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่อันตรายจากแมวตัวอื่นนอกบ้านได้ โดยอาการที่พบร่วมด้วยก็คือการที่พวกเขามีน้ำมูกสีเขียวและมีขี้ตามากขึ้นกว่าเดิม หากวินิจฉัยจะพบว่าพวกเขามีระดับออกซิเจนในเลือดน้อย บริเวณเยื่อเมือกจะซีดเผือกหรือม่วงช้ำอย่างเห็นได้ชัด 
  6. การมีแก๊สอยู่ในช่องอก เกิดจากการแตกออกหรือการถูกกัดทำลายของถุงลม
sick cat2

วิธีการวินิจฉัยและรักษาเมื่อแมวของเราหายใจแรง 

หากคุณพบว่าแมวหายใจแรงไม่ควรนิ่งนอนใจและควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสอบว่าแมวป่วยหรือไม่ โดยวิธีการวินิจฉัยนั้นจะประกอบไปด้วยการเอกซเรย์เพื่อตรวจสอบความผิดปกติในร่างกาย การอัลตร้าซาวด์ การตรวจเลือด การตรวจน้ำหรือเก็บเซลล์ก้อนเนื้อในช่องอกไปตรวจสอบ ส่วนวิธีการรักษานั้นก็จะประกอบไปด้วยการดมออกซิเจน การนำเอาแก๊สหรือน้ำในช่องอกออกด้วยวิธีการเจาะ และการรับประทานยาเป็นต้น guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

แนะนำวิธีเลือก ทรายแมว แบบไหนดี ฉบับทาสแมวตัวยง

ทรายแมว เป็นหนึ่งในไอเทมหลักที่ทาสแมวทุกคนต้องมี โดยเฉพาะบ้านไหนที่ เลี้ยงแมว แบบระบบปิด คงรู้ดีว่า หากเลือกทรายแมวพลาดจะเกิดปัญหาตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นไม่พึงประสงค์ เศษทรายติดเท้าน้องแมวเลอะทั่วบ้าน ฝุ่นคลุ้งฟุ้งกระจาย หากวัสดุไม่ดีพอก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของน้องแมวและทาสอีกด้วย ในบทความนี้ เราจึงนำเคล็ดวิชา เลือกทรายแมว แบบครบจบได้ผลจริงมาฝากกัน

ทรายแมว คืออะไร?

ทรายแมว กับแมวเป็นของคู่กันฉันท์ใด ทรายแมวกับทาสย่อมเป็นของคู่กันฉันท์นั้น ตามธรรมชาติน้องแมวเป็นสัตว์นักล่าที่รักสะอาด ไม่ชอบทิ้งกลิ่นไว้ให้เหยื่อรู้ตัว หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จจึงทำการกลบทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้น แน่นอนว่า ทาสแมวอย่างเราก็มีหน้าที่ต้องจัดเตรียมทรายแมวคุณภาพดีไว้ให้น้องด้วย  

ทำความรู้จักทรายแมวแต่ละประเภท

ก่อนจะเลือกทรายแมวได้นั้น เราต้องมาทำความรู้จักกับ ประเภทของทรายแมว กันก่อน โดยหลัก ๆ แล้ว จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. ทรายแมวเต้าหู้ 2. ทรายแมวภูเขาไฟ 3. ทรายแมวคริสตัล และ 4. ทรายแมวธรรมชาติ  แต่ละแบบจะมีคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างกันไป ดังนี้

ทรายแมวเต้าหู้

ทรายแมว ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติอย่าง ถั่ว ขั้นตอนกรรมวิธีการทำคล้าย เต้าหู้ซึ่งนำกากใยของถั่วมาอัดเป็นก้อนแล้วนำไปอบแห้งทรายแมวชนิดนี้ เป็นที่นิยมของทาสแมวชาวเอเชียมาก ทั้ง จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลีและไทย มายาวนานเกือบ 10 ปี เพราะหาซื้อง่าย กลิ่นหอมละมุน

ทรายเต้าหู้คุณสมบัติเด่น คือ ดูดซับกลิ่นดีเยี่ยม เม็ดเรียวยาว ไม่ติดซอกเท้าน้องแมวเหมือนทรายชนิดอื่น ๆ เนื้อทรายเกาะตัวแน่น ไม่มีฝุ่นฟุ้งกระจาย บางยี่ห้อน้องแมวสามารถกินได้ เมื่อโดนน้ำจะอ่อนนุ่มละลายหายไป จึงสามารถนำไปทิ้งลงชักโครกหรือทำเป็นปุ๋ยต้นไม้ได้ ย่อยสลายเร็วเหมาะกับทาสแมวสายรักษ์โลก มีให้เลือกมากมายหลายกลิ่น เช่น กลิ่นกาแฟ กลิ่นเต้าหู้ กลิ่นชาเขียว กลิ่นพีช

ในส่วนของ ข้อเสียทรายเต้าหู้ ก็มีเช่นกัน คือ ซื้อมาแล้วน้องแมวบางตัวอาจไม่ใช้ เพราะเนื้อสัมผัส กลิ่น และลักษณะโดยรวมของทรายแมวเต้าหู้แตกต่างกับทรายตามธรรมชาติมากเกินไป ทาสที่เพิ่งตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ทรายเต้าหู้อาจต้องใช้เวลาฝึกนายท่านเพิ่ม

สำหรับใครที่สนใจ ทรายเต้าหู้คุณภาพดี น้องแมวชิมแล้วไม่เป็นอันตราย ย่อยสลายง่าย ดูดซับกลิ่นดีเยี่ยม ไม่ติดซอกเท้าน้อง ราคาไม่แรงมาก ขอแนะนำ แคสตี้ (KASTY) ทรายเต้าหู้จากถั่วลันเตาจากประเทศญี่ปุ่น ปราศจากเชื้อรา ไรฝุ่น และกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ใช้งานง่าย หลังน้องแมวทำธุระเสร็จจะจับตัวเป็นก้อนภายใน 3 วินาที ปริมาณ 6 ลิตร ราคาอยู่ที่ 200-300 บาท

ทรายแมวภูเขาไฟ

ทรายแมวภูเขาไฟ วัตถุดิบหลัก คือ แร่เบนโทไนท์ (BENTONITE) ที่มาจากเถ้าภูเขาไฟ มีคุณสมบัติเด่น คือ สามารถดูดซับของเหลวที่มีน้ำหนักมากกว่าได้ถึง 3 เท่าตัว จับตัวเป็นก้อนเร็ว ลักษณะจะเป็นเม็ดทรายเนื้อละเอียด อ่อนโยนต่อน้องแมว ไม่มีกลิ่น ต้านแบคทีเรีย จึงสามารถใช้งานได้นานกว่าทรายแมวชนิดอื่น ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อน้องแมว บางสูตรผสมสารคาร์บอนช่วยระงับกลิ่นได้ดี

แต่ถ้าเลือกยี่ห้อไม่ดี อาจเจอ ยี่ห้อทรายแมว ภูเขาไฟที่ผสมสารอื่น ๆ หรือทรายแมวคุณภาพต่ำ และยังมี ข้อเสียทรายแมวภูเขาไฟ คือ ทรายแมวภูเขาไฟย่อยสลายยาก จึงทิ้งลงชักโครกไม่ได้ ไม่เหมาะกับห้องน้ำแมวอัตโนมัติ บางยี่ห้อมีฝุ่นเยอะ อีกทั้งเม็ดทรายยังเล็กติดตามซอกเท้าน้องแมวก่อให้เกิดปัญหาไรฝุ่นตามมา บางยี่ห้อก็ใส่น้ำหอมเยอะเกินจนน้องแมวไม่ยอมใช้

สำหรับใครที่มองหาทรายแมวภูเขาไฟคุณภาพดี ขอแนะนำ ทรายแมวออเดอร์ล็อค (ODOUR LOCK) เก็บกลิ่นดี ไร้น้ำหอม น้องแมวแพ้ง่าย เซนซิทีฟเรื่องกลิ่นก็ใช้ได้สบาย เมื่อโดนของเหลวจับตัวเป็นก้อนอย่างรวดเร็วใน 1 วินาที ซึมซับดีเยี่ยม การันตีใช้งานได้นานสูงสุดถึง 40 วัน ในปริมาณ 6 กิโลกรัม ราคาจะอยู่ที่ 350-400 บาท

ทรายแมวคริสตัล

ทรายแมวคริสตัล ทำมาจากซิลิก้า (SILICA) หรือ โซเดียมซิลิเกต (SODIUM SILICATE) ที่สกัดมาจากทราย มีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ ตัดเหลี่ยมใสคล้ายคริสตัล จึงเรียกกันว่า ทรายแมวคริสตัล มีคุณสมบัติเด่น คือ ดูดซับของเหลวและกลิ่นได้ดี เม็ดใหญ่ไม่ติดเท้าแมว เวลาน้องแมวขับถ่ายก็ตักแค่อึออก เพราะส่วนที่เป็นน้ำถูกเม็ดทรายดูดซับไปหมดแล้ว แม้ราคาจะสูงกว่าทรายแมวแบบอื่น แต่สามารถล้างทำคามสะอาดและนำไปตากแดดจนแห้งใส เพื่อใช้ซ้ำได้ 

แม้ ทรายสำหรับแมว คริสตัล จะใช้งานได้ยาวนาน ไร้ฝุ่น ทั้งยังนำกลับมาใช้ได้อีกหลายครั้ง แต่ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อย ๆ และไม่เหมาะกับน้องแมวที่ชอบกินทรายแมว หรือชอบนอนเกลือกกลิ้งในกระบะทรายแมว เนื่องจากเม็ดทรายคริสตัลค่อนข้างคม อาจบาดเท้าแมวได้ และถ้าทาสเผลอเหยียบก็เจ็บไม่แพ้กัน สำหรับน้องแมวที่บาดเจ็บมีแผลสดควรหลีกเลี่ยง เพราะทรายแมวคริสตัลมีคุณสมบัติเกาะติดของเหลวที่เป็นเมือกและดึงออกยากมาก

ใครอ่านแล้วถูกใจอยากได้ทรายแมวคริสตัลมาลองใช้ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากยี่ห้อไหนดี ขอนำเสนอทรายแมวคริสตัล แคทตี้ แคท(CATTY CAT) ประสิทธิภาพดูดซับน้ำและกลิ่นสูง ปราศจากฝุ่นผง พร้อมเม็ดบีทสีน้ำเงินฆ่าเชื้อโรค ปริมาณ 5 ลิตร ในราคาเพียง 150-200 บาท

ทรายแมวธรรมชาติ  

นอกจาก ทรายแมวเต้าหู้ แล้ว ยังมีทรายแมวที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระดาษรีไซเคิล เปลือกไม้สน ซังข้าวโพด ข้าวสาลี เปลือกวอลนัท หญ้า และอื่น ๆ อีกมากมาย นำมาอัดเป็นก้อน ลักษณะเหมือนทรายแมวเต้าหู้ ที่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นได้ดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและน้องแมว ซึ่งราคาและคุณสมบัติเด่นจะแตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้ทำ  

ยกตัวอย่างเช่น ทรายแมวจากกระดาษรีไซเคิล ราคาถูก ไม่ติดเท้าแมว แต่ดูดซับน้ำและกลิ่นแย่ ซังข้าวโพด ปลอดภัย ดูดซับกลิ่นและของเหลวดี แต่น้องแมวบางตัวอาจแพ้ ซึ่งทรายแมวธรรมชาติส่วนใหญ่จะมีราคาสูงตามคุณภาพ จึงควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ และเช่นเดียวกับทรายแมวเต้าหู้ น้องแมวบางตัวอาจไม่ยอมใช้ เพราะไม่คุ้นชินกับวัสดุนั้น ๆ

สำหรับใครที่หาแหล่งซื้อ ทรายแมวราคาถูก จากวัตถุดิบธรรมชาติ ราคาย่อมเยา ขอแนะนำ คูรินแคท (KURIN KAT) ทรายแมวซังข้าวโพดธรรมชาติปลอดสารพิษ ยี่ห้อไทย จับตัวเป็นก้อน ย่อยสลายง่าย ทิ้งในชักโครกได้ ฝุ่นน้อยและดูดซับกลิ่นดีเยี่ยม ในราคาเพียง 5 ลิตร 200 บาท 10 ลิตร 300-400 บาทเท่านั้น 

ทรายแมว แบบไหนถูกใจแมวหมียว?

นอกจากการเลือก ทรายแมว แล้ว ยังมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ ทาสแมว ควรรู้ คือ ปริมาณของทรายที่ใช้ โดยเราสามารถกะได้จากพฤติกรรมการใช้ห้องน้ำแมวของนายท่าน ถ้าน้องแมวค่อย ๆ กลบหลังเสร็จกิจอย่างนุ่มนวล การเททรายไว้เยอะ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่หากน้องแมวชอบคุ้ยกลบอย่างดุเดือดกระจุยกระจาย ให้ใส่ทรายในปริมาณพอกลบได้เท่านั้น 

ส่วนเคล็ดลับในการเลือกลิ่นนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน โดยแมวมักจะชอบทรายแมวที่ไม่มีกลิ่นหรือกลิ่นน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี แต่หากถามว่า กลิ่นไหนกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีที่สุด ขอยกให้ 2 กลิ่นยอดนิยม ทรายแมวกลิ่นกาแฟ และ ทรายแมวชาเขียว อย่าลืมเลือกดูยี่ห้อที่ทำจากวัสดุธรรมชาติได้มาตรฐานและวันหมดอายุบนบัณจุภัณฑ์ เพื่อความปลอดภัยของน้องแมว 

บทสรุป

อ่านมาถึงตรงนี้ สาวกน้องเหมียวทุกคนคงมีความรู้เรื่อง ทรายแมว กันพอสมควรแล้ว หวังว่า บทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นความสำคัญของการเลือกทรายแมวมากขึ้น และตามหา ทรายแมวถูกและดี โดนใจน้องแมวกันจนเจอ แต่หากใครอ่านจนจบแล้ว ยังไม่ได้คำตอบที่ใช่ ก็ไม่เป็นไร เพียงคุณตั้งใจหาข้อมูล เพื่อเลือกสรรสิ่งต่าง ๆ ให้น้องแมวที่รักอย่างเต็มที่ น้องแมวของคุณต้องมีความสุขอย่างแน่นอน  guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

โรค FIP แมว โรคติดต่อแมว อันตรายถึงชีวิต ที่เหล่าทาสควรให้ความสำคัญมาก ๆ

อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันนี้นอกจากจะพบว่าผู้คนเจ็บป่วยด้วยโรคที่หลากหลายขึ้นแล้ว น้องแมวเองก็มีโรค หรืออาการเจ็บป่วยหลาย ๆ แบบเพิ่มขึ้นด้วย โดยโรคที่เกิดขึ้นกับแมวก็มีทั้งโรคที่ไม่รุนแรง แต่ก็มีบางโรคที่รุนแรงมากถึงขนาดสามารถคร่าชีวิตน้องแมวไปจากทาสอย่างเราได้เลย โดยเฉพาะ โรค FIP แมว ที่ตอนนี้ถือว่าอันตรายมาก ๆ และเหล่าทาสจำเป็นที่จะต้องรู้จักเอาไว้เลย เพื่อที่จะทำให้สามารถเฝ้าสังเกตอาการของน้องแมวได้ว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ 

FELINE CORONAVIRUS

โรค FIP แมว โรคติดต่อในแมวที่อันตราย และทาสมองข้ามไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

โรค FIP แมว หรือ FELINE INFECTIOUS PERITONITIS เป็นโรคติดต่อในแมวที่จะเกิดการติดเชื้อมาจากที่ระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อมีการติดเชื้อจึงทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดอักเสบขึ้นมา หากว่าการติดเชื้อเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อที่อวัยวะใดก็ตาม เชื้อจะต้องส่งผลเสีย และทำลายระบบนั้น ๆ ซึ่งโรคนี้จะพบได้บ่อยว่ามักจะมีการติดเชื้อที่บริเวณช่องอก, ตา หรือว่าระบบประสาท อย่างไรก็ตามโรคนี้มีสาเหตุหลักมากจากการที่น้องแมวติดเชื้อไวรัสโคโรน่าในแมว หรือ FCOV นั่นเอง

สำหรับการที่แมวติดเชื้อ FELINE CORONAVIRUS แล้ว ก็นับว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตของน้องแมวมาก ๆ โดยเฉพาะในลูกแมวที่มีแนวโน้มว่าจะติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มากเป็นพิเศษ ยิ่งลูกแมวต้องอาศัยรวมกันกับแมวตัวอื่น ๆ ด้วยแล้ว โอกาสที่จะติดเชื้อก็จะมีสูงมากขึ้นไปอีก

อาการของแมวที่ป่วยเป็น โรค FIP แมว 

ในส่วนของอาการแมวที่เป็น โรค FIP แมว นั้น ช่วงเริ่มแรกอาการจะมีความคล้ายคลึงกับการเป็นโรคอื่น ๆ ของแมว โดยแมวบางตัวอาจจะมีอาการขึ้นมาแบบกะทันหัน สำหรับอาการที่เกิดขึ้นก็เป็นผลที่มาจากเรื่องของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาการของแมวที่เป็นโรคนี้ก็สามารถแบ่งได้ 2 แบบ ก็คือ แบบเปียก (EFFUSIVE FORM) และแบบแห้ง (NON- EFFUSIVE FORM) ทั้งนี้อาการทั้งสองแบบนี้จะไม่มีการแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนนัก แต่มักจะมารู้ในช่วงที่แมวแสดงอาการที่รุนแรงออกมาแล้ว

สำหรับแมวที่มีอาการแบบเปียก จะสามารถสังเกต และรู้ได้จากการที่ในช่องท้องของน้องแมวจะมีของเหลวสะสมอยู่ โดยเป็นผลที่เกิดขึ้นมาจากการอักเสบของหลอดเลือด ซึ่งจะสังเกตได้เลยว่าน้องจะมีช่องท้องที่ขยายใหญ่ขึ้น และนอกจากนั้นก็จะมีอาการหายใจลำบาก, หายใจเร็ว และมีความผิดปกติของการเต้นที่หัวใจของน้องแมวด้วย อย่างไรก็ตาม อาจจะพบว่าน้องแมวบางตัวจะมีของเหลวที่ช่องอกด้วย 

FIP

ส่วนแมวที่มีอาการแบบแห้ง จะสามารถสังเกต และรู้ว่าน้องแมวติดเชื้อได้ยากกว่าแบบเปียก เนื่องจากว่าในช่องท้องของน้องแมวไม่ได้มีของเหลวสะสมอยู่ แต่อาจจะพบว่ามีก้อนผิดปกติเกิดขึ้นมาในช่องท้องแทน โดยเป็นก้อนที่เกิดขึ้นมาจากภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นร่วมกันกับสารประกอบบนผนังหลอดเลือด และยังประกอบเข้ากับเซลล์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้เกิดเป็นกระบวนการอักเสบในท้องแมวขึ้นมานั่นเอง นอกจากนั้นก็จะมีอาการอื่น ๆ ที่ไม่จำเพาะเกิดขึ้นด้วย เช่น ซึม, เบื่ออาหาร, ม่านตาอักเสบ ฯลฯ

แม้ว่าอาการของโรคนี้จะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าน้องแมวจะมีอาการเพียงแบบเดียวเท่านั้น เพราะในแมวบางตัวก็สามารถแสดงอาการได้จากทั้งสองรูปแบบพร้อมกันเลย นอกจากอาหารทั้ง 2 แบบนี้แล้ว น้องแมวที่ป่วยเป็นโรคนี้ก็มักจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้, น้ำหนักลด, เบื่ออาหาร, ตัวร้อน, เหงือกมีลักษณะสีขาวซีดหรือมีสีเหลือง และอาจจะมีอาการอีกหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งนี้หากสงสัยในอาการที่น้องแมวเป็นแล้วไม่แน่ใจว่าเป็นโรคนี้หรือเปล่า ก็ควรรีบพาน้องไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน

ทาสแมวควรรู้ไว้ FIP แมว ติดต่อทางไหน บ้าง และจะรู้ได้อย่างไรว่าแมวติดเชื้อแล้ว

การติดเชื้อของ โรค FIP แมว จะเกิดขึ้นจากแมวสู่แมว แต่จะไม่ติดเชื้อมายังคน โดยส่วนใหญ่แล้วแมวที่มักจะติดเชื้อ ก็คือ แมวเด็ก หรือแมวที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี รวมถึงแมวที่มีปัญหาด้านระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังพบการติดเชื้อมากในน้องแมวที่เป็นเพศผู้ที่ยังไม่ได้เข้ารับการทำหมัน และแมวที่เป็นพันธุ์แท้ ปกติแล้วเชื้อไวรัสของโรคนี้จะมีการฟักตัวแตกต่างกันออกไปในแมวแต่ละตัว ซึ่งมักจะมีการฟักตัวตั้งแต่ระยะเวลาเป็นสัปดาห์ไปจนถึงระยะเวลาเป็นปีได้เลย หลังจากที่น้องแมวได้รับเชื้อมาแล้วในครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม อันที่จริงแล้วเรื่องการติดต่อของเชื้อไวรัสในโรคนี้ ยังไม่ได้ทราบอย่างแน่ชัดว่ามีการติดต่อกันอย่างไร แต่เชื่อว่าการติดต่อเกิดการขึ้นมาจากการกลายพันธุ์ของเชื้อโคโรนาไวรัสจากลักษณะปกติที่มีความรุนแรงมากขึ้นในตัวแมว ซึ่งแมวแต่ละตัวก็ตอบสนองต่อเชื้อไวรัสไม่เท่ากัน ทั้งนี้หากว่าเชื้อไม่ได้มีการกลายพันธุ์ก็อาจจะทำให้น้องแมวไม่ได้เป็นโรคนี้ก็ได้ แต่อย่างไรแล้วการหลีกเลี่ยงไม่ให้น้องแมวเสี่ยงติดเชื้อก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทั้งนี้หากจะรู้ได้ว่าแมวเป็นโรคนี้หรือไม่ ก็ต้องสังเกต และพาไปพบแพทย์

FCOV

วิธี รักษา FIP แมว จะต้องทำอย่างไร แล้วค่ารักษาแพงมากไหม

ปัจจุบันนี้การรักษา โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมว ยังเป็นการรักษาแบบตามอาการ เพื่อช่วยพยุงอาการของน้องแมวเท่านั้นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีการคิดค้น และพัฒนายาต้านไวรัสมาใช้ในแมวที่ป่วยเป็นโรคนี้กันอยู่ ซึ่งยาบางตัวก็รักษาได้ผล แต่ยาบางตัวก็ให้ผลการรักษาที่น่าพึงพอใจเลย แต่ทั้งนี้ก็แลกมากับราคายา และ ค่ารักษา FIP แมว ที่ค่อนข้างสูงเลย โดยมีแนวทางการรักษาโรค FIP ในแมว ก็มีดังนี้

  1. การให้ยากลุ่ม ANTIVIRAL DRUGS โดยยากลุ่มนี้จะมีกลไกการทำงาน 2 ประเภท คือ การออกฤทธิ์ต่อ CELLULAR MACHINERY ที่จะทำหน้าที่ในการขัดขวางการจำลองตัวของไวรัส และจะเป็นการออกฤทธิ์ต่อกลไกอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการจำลองตัว และการแพร่ของไวรัสด้วย ซึ่งนอกจากนั้นแล้วยากลุ่มนี้ยังช่วยลดการอักเสบให้กับแมวได้อีกด้วย
  2. การให้ยากลุ่ม ANTI-INFLAMMATORY และ IMMUNOSUPPRESIVE DRUGS เช่น ยา CYCLOPHOSPHAMIDE เป็นตัวยาที่นำมาใช้รักษาเพราะหวังว่าจะช่วยลดการอักเสบ และช่วยตอบสนองจากภูมิคุ้มกัน รวมถึงช่วยลดอาการทางคลินิก
  3. การให้ยากลุ่ม IMMUNE MODULATOR เป็นยากลุ่มที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นยากลุ่มที่มีการใช้อย่างแพร่หลายเลย เพราะสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้นในแมวได้ดี ซึ่งจะให้ผลได้ดีมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับยาที่อยู่ในกลุ่ม CORTICOSTEROIDS 
  4. NON-SPECIFIC IMMUNOSTIMULANT DRUGS เป็นยากลุ่มที่ใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ ซึ่งยาตัวนี้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายมาร่วมทศวรรษแล้ว ยากลุ่มนี้สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคนี้แบบแห้งได้ รวมถึงช่วยยืดระยะเวลาในการดำรงชีวิตของแมวได้ด้วย 
  5. การรักษาแบบพยุงอาการอื่น ๆ โดยการรักษาด้วยการพยุงอาการนี้ จะมีการรักษาในหลายรูปแบบ เช่น การเจาะดูดของเหลวออกมาจากช่องท้องที่อักเสบหากว่าแมวมีอาการแบบเปียก หรือการให้ยาปฏิชีวนะถ้าเกิดว่าน้องแมวมีอาการการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน รวมถึงยังมีการให้สารอาหาร หรือวิตามินบำรุงอื่น ๆ ที่เหมาะสมร่วมด้วย

FIP แมว ป้องกัน ได้อย่างไรบ้าง สิ่งที่ต้องรู้ไว้ เพื่อให้แมวห่างไกลจากโรคนี้

มาถึงในส่วนของการป้องกันน้องแมวให้ห่างไกลจาก โรค FIP แมว กันบ้าง เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการติดต่อกันของเชื้อนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร การป้องกันที่ดีที่สุดให้น้องแมวห่างไกลจากโรคนี้ได้ ก็คือ การรักษาความสะอาดภายในบ้าน หรือบริเวณที่น้องแมวอาศัยอยู่ รวมถึงจะต้องหมั่นทำความสะอาดกระบะทรายของแมวให้สะอาดอยู่เสมอด้วย อีกทั้งควรที่จะทำการวางชามอาหารของน้องแมวที่ป่วยแยกกับแมวที่ไม่ป่วยด้วย ที่สำคัญควรเลี้ยงแมวให้ไม่มีความเครียด และมีสุขภาพที่ดี

นอกจากที่จะต้องให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดแล้ว น้องแมวควรจะได้รับวัคซีนด้วย โดยเฉพาะลูกแมว หรือแมวที่มีอายุไม่เกิน 2 ปี สำหรับวัคซีนที่ควรจะได้รับ ก็มี วัคซีนโรคหวัดแมว, วัคซีนไวรัสโรคไข้หัดในแมว และ วัคซีนไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว ซึ่งสำหรับ วัคซีน FIP แมว ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในวัคซีนหลักที่ลูกแมวควรฉีด หากว่าต้องการให้น้องแมวฉีดวัคซีนนี้ด้วย ก็จำเป็นต้องปรึกษา และตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ก็จะดีกว่า

แมวท้องใหญ่เกิดจากอะไร คือสัญญาณเตือนว่าเป็น โคโรน่าไวรัสในแมว หรือเปล่า

อาการท้องบวม หรือท้องใหญ่ในแมว จริง ๆ แล้วเป็นสัญญาณเตือนได้ในหลาย ๆ โรค รวมถึง โรค FIP แมว ด้วย โดยอาการที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเกิดขึ้นแบบฉับพลัน หรือแบบที่ค่อย ๆ แสดงอาการออกมาเรื่อย ๆ ทีละน้อย แต่ไม่ว่าจะมีอาการที่แสดงออกมามาก หรือน้อยแค่ไหนก็ตาม การที่แมวเข้าสู่ภาวะท้องป่อง ก็จะเป็นที่จะต้องรีบพาไปเข้ารับการรักษากับสัตวแพทย์ทันที เนื่องจากถือว่าเป็นอาการที่รุนแรง ซึ่งแมวควรได้รับการวินิจฉัยโรคอย่างเร็วที่สุด guscats.com

อย่างไรก็ตาม หากสงสัยว่าน้องแมวของคุณเป็นโรค FIP หรือไม่ ก็ให้สังเกตจากอาการที่เป็น ถ้ามีอาการต่าง ๆ ตามที่กล่าวไว้ในข้างต้นก่อนหน้านี้ ก็ให้สงสัยไว้เลยว่าแมวของคุณอาจจะเป็นโรคนี้ก็ได้ ซึ่งไม่ควรรีรอว่าอาการจะดีขึ้น ควรรีบพาน้องแมวไปเข้ารับการตรวจรักษาทันทีตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที และไม่ทำให้น้องแมวด่วนจากเราไปโดยที่ไม่รู้ตัว

บทความเพิ่มเติ่ม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

บาร์ฟ อาหารจากธรรมชาติที่คุณควรให้แมวได้รองรับประทาน

สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ก่อนที่มนุษย์จะมีวิทยาการเหมือนกับในปัจจุบันต่างก็ใช้ชีวิตตามธรรมชาติของตนเอง ดังนั้นหากย้อนกลับไปในยุคโบราณสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักอย่างแมวของเรานั้นก็เป็นสัตว์ป่าที่อาศัยการล่าสัตว์และกินเนื้อดิบเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้คนเลี้ยงแมวหลายคนจึงนิยมให้แมวกินบาร์ฟหรือ BIOLOGICAL APPROPRIATE RAW FOOD มันเป็นอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติโดยที่ไม่ผ่านการปรุงหรือความร้อน เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของแมวเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามหากเราซื้อแบบสำเร็จรูปราคานั้นค่อนข้างสูง เราจึงจะพาทุกคนมาดูสูตรการทำอาหารให้กับพวกเขากันว่าส่วนผสมและขั้นตอนการทำจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง 

เปิดสูตรอาหารสดจากธรรมชาติสำหรับแมวของคุณ 

  1. สูตรเนื้อไก่ บาร์ฟสูตรนี้ต้องใช้เนื้อไก่จะเลือกเป็นเนื้ออกหรือเนื้อน่องก็ได้เช่นเดียวกันจำนวน 2 กิโลกรัม ตับไก่จำนวน 200 กรัม หัวใจไก่จำนวน 400 กรัม ไข่ไก่ 2 ฟอง และอาหารเสริมตามความต้องการอย่างเช่นผงแคลเซียมหรือน้ำมันปลาเป็นต้น ให้เรานำเอาเนื้อไก่ ตับไก่ และหัวใจไก่มาบดให้ละเอียด หลังจากนั้นตอกไข่ลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน นำเอาอาหารเสริมลงไปคลุกเคล้าก็จะได้เป็นอาหารแมวที่สามารถกินได้ยาวนานประมาณ 15 วันเลยทีเดียว หรือหากต้องการทำทีละน้อยจะลดปริมาณวัตถุดิบก็ได้เช่นเดียวกัน 
  2. สูตรเนื้อไก่และปลาแซลมอน สำหรับแมวของใครที่ชื่นชอบปลาแซลมอนเราขอแนะนำสูตรนี้เลย สิ่งที่ต้องใช้จะประกอบไปด้วยเนื้ออกไก่จำนวน 500 กรัม ปลาแซลมอน 300 กรัม หรือสำหรับใครที่ไม่อยากจะใช้ปลาแซลมอนจะเปลี่ยนไปเป็นกุ้ง ปลาทู หรือปลาทูน่ากระป๋องในน้ำแร่ก็ได้เช่นเดียวกัน หัวใจไก่ 200 กรัม ตับไก่ 100 กรัม ไข่ไก่ 2 ใบ และอาหารเสริมแมวแล้วแต่ความต้องการ วิธีการคือนำเอาเนื้ออกไก่ ปลา ตับไก่ หัวใจไก่มาบดให้ละเอียดผสมให้เข้ากัน จากนั้นตอกไข่แล้วนำเอาไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ผสมอาหารเสริมเป็นอันเรียบร้อย สูตรนี้สามารถรับประทานได้ประมาณ 15 วัน 

สูตรเนื้อไก่และเนื้อวัว สูตรนี้จะใช้เนื้อวัวจำนวน 1 กิโลกรัม โครงไก่ 400 กรัม หัวใจไก่ 400 กรัม ตับไก่ 400 กรัม และทูน่ากระป๋องในน้ำแร่หรือแบบจืด 400 กรัม ไข่ไก่อีก 3 ฟอง หากมีอาหารเสริมก็สามารถใส่เข้าไปได้ตามความต้องการ เราขอแนะนำให้เลือกซื้อโครงไก่บดละเอียดมาแล้วจะช่วยเบาแรงได้มากแต่ต้องเป็นแบบที่ยังไม่ผ่านการปรุงหรือทำให้สุกมาก่อน หลังจากนั้นนำเอาเนื้อวัว ตับไก่ หัวใจไก่ และทูน่ากระป๋องมาบดให้ละเอียด นำเอาไปผสมกับโครงไก่และไข่ไก่ ใส่อาหารเสริมก็เป็นอันเรียบร้อย สูตรนี้สามารถรับประทานได้ประมาณ 15 วัน 

อาหารสด สิ่งที่จะทำให้แมวของคุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง 

บาร์ฟเป็นอาหารแมวแบบสดที่ฟังดูค่อนข้างน่ากลัวหากเราจะให้แมวของเรากินอาหารแบบที่ไม่ได้ผ่านการปรุงสุกมาก่อน หลายคนอาจกังวลว่ามันจะไม่ดีต่อสุขภาพพวกเขาหรือไม่ ความจริงแล้วมันเป็นอาหารที่ช่วยพวกเขามีร่างกายที่แข็งแรง ช่วยให้ไม่มีกลิ่นปาก สุขภาพในช่องปากดี มีขนที่เงางาม เพียงแต่เราต้องเลือกวัตถุดิบที่มั่นใจได้ว่าสะอาดอย่างแน่นอน 

guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : ufaball.bet

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

ไม่อยากซื้ออาหารแมวเอาอาหารหมาให้แมวกินได้หรือไม่ไปดูกัน

บางครั้งในบ้านของเราก็อาจจะมีสัตว์เลี้ยงมากกว่า 1 สายพันธุ์ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะบรรดาสัตว์เลี้ยงนั้นสามารถสร้างความสุขให้กับเราได้เป็นอย่างดี การมีสัตว์เลี้ยงอยู่รายล้อมตัวจึงเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา แต่การมีสัตว์เลี้ยงหลายสายพันธุ์ก็ตามมาพร้อมกับอาหารหลากหลายชนิดเช่นเดียวกัน อย่างเช่นคนที่เลี้ยงสุนัขและแมวก็ต้องซื้ออาหารทั้งของสุนัขและแมว ด้วยความที่ภายนอกอาหารเม็ดต่างก็ดูเหมือนกันหมด เราจึงเกิดความสงสัยว่าเราสามารถนำเอาอาหารหมามาแทนอาหารแมวได้หรือไม่ เราจะพบคนไปหาคำตอบกัน 

ตอบคำถามเอาอาหารหมาให้แมวกินได้หรือไม่ 

สำหรับคนที่อยากจะเอาอาหารหมามาแทนอาหารแมวแล้วสงสัยว่าสามารถทำได้หรือไม่เราสามารถตอบได้ว่าความจริงแล้วพวกเขานั้นสามารถกินอาหารหมาได้แบบปลอดภัย แต่ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาก็กินได้ในปริมาณเล็กน้อยเพียงเท่านั้น ดังนั้นหากคุณเลี้ยงแมวและหมาด้วยกันแล้วบางครั้งแมวมาออดอ้อนอยากจะชิมอาหารหมาดูสักครั้ง คุณสามารถให้พวกเขาลองชิมได้ แต่หากคุณต้องการที่จะเอาอาหารหมาให้พวกเขากินเป็นหลักเราขอแนะนำว่าไม่ควรทำโดยเด็ดขาด

เนื่องจากในอาหารของสุนัขนั้นมีไขมันและโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ต่ำกว่าความต้องการในแมว นอกจากนี้ยังไม่มีสารอาหารบางชนิดที่จำเป็นต่อพวกเขาอีกด้วย เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าแมวนั้นเป็นสัตว์กินเนื้อในขณะที่สุนัขนั้นเป็นสัตว์ที่กินทั้งเนื้อทั้งพืช อาหารของแมวตามธรรมชาติจึงเป็นเนื้อสัตว์เสียส่วนใหญ่ อาหารที่ทำมาสำหรับแมวนั้นจึงเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันและโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่สูงกว่าในอาหารหมา นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่ร่างกายของแมวต้องการ มีกรดอะมิโนอย่างทอรีนที่ได้มาจากเนื้อสัตว์รวมไปถึงกรดไขมันบางชนิดที่ไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ในอาหารหมา

เนื่องจากในร่างกายของสุนัขนั้นสามารถผลิตกรดอะมิโนพวกนี้ขึ้นมาได้ด้วยตัวเองแต่แมวไม่สามารถทำเช่นนั้นได้แต่อย่างใด และหากแมวกินอาหารหมาเป็นประจำก็จะทำให้พวกเขามีปัญหาสุขภาพร่างกายตามมาไม่ว่าจะเป็นสูญเสียการมองเห็น จอประสาทตาเสื่อม มีปัญหาในด้านหัวใจ หากเป็นลูกแมวก็จะเติบโตช้า และยังมีปัญหาในการย่อยอาหารอีกด้วย

รู้หรือไม่ แมวบางตัวไม่สามารถกินอาหารหมาได้

ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าแมวบางตัวนั้นสามารถกินอาหารหมาได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแมวทุกตัวจะสามารถกินอาหารหมาได้แต่อย่างใด เพราะอาหารแมวคืออาหารที่ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสมกับร่างกายของพวกเขาแล้ว แมวบางตัวที่มีอาการแพ้อาหารหรือมีปัญหาด้านสุขภาพอยู่แล้วคนเลี้ยงแมวไม่ควรนำเอาอาหารหมาให้พวกเขากินเพราะอาจจะเป็นพวกเขาแพ้ส่วนประกอบที่อยู่ในอาหารหมาก็เป็นได้ guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : ufaball.bet