Categories
สายพันธ์แมว สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

เนบีลัง แมวที่เหมือนกับรัสเซี่ยนบลูเวอร์ชั่นที่ขนยาวมากขึ้นกว่าเดิม

แมวแต่ละสายพันธุ์นั้นมีที่มา ลักษณะนิสัย รวมไปถึงลักษณะภายนอกที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลี้ยงแมวนอกจากเราจะต้องศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่เราควรรู้ในการเลี้ยงแมวแล้ว การศึกษาสายพันธุ์ของแมวแต่ละสายพันธุ์ว่าพวกเขามีลักษณะนิสัยอย่างไรและเราต้องดูแลเอาใจใส่อย่างไรบ้างนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทาสแมวคุณภาพ วันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับแมวสายพันธุ์แปลกที่คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนอย่าง เนบีลัง แมวสุดน่ารักที่ลักษณะภายนอกคล้ายกับรัสเซี่ยนบลูแบบไม่มีผิดเพี้ยนเพียงแต่พวกเขามีขนที่ยาวกว่า พวกเขาเหล่านี้มีประวัติความเป็นมารวมถึงลักษณะนิสัยอย่างไรไปดูกัน 

ทำความรู้จักกับแมวสายพันธุ์ เนบีลัง NEBELUNG สุดน่ารักที่จะทำให้คุณตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย 

เนบีลัง

เนบีลังเป็นแมวขนกึ่งยาวที่ลักษณะภายนอกของพวกเขานั้นแทบจะเหมือนกับรัสเซี่ยนบลูเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าพวกเขามีขนที่ยาวกว่าแต่ก็ไม่ได้ยาวลากพื้นถึงขั้นแบบแมวเปอร์เซียแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเป็นแมวที่ดูแลค่อนข้างง่าย ถึงแม้ว่าจะมีขนร่วงบ้างแต่ก็ไม่ได้หนักเท่ากับการเลี้ยงแมวที่มีขนยาวลากพื้น อย่างไรก็ตามการดูแลความสะอาดและสุขภาพขนของแมวนั้นก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นแมวที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ลำตัวยาว มีลักษณะท่าทางที่สง่างาม

เนบีลัง

ส่วนใหญ่ที่พบมักมีดวงตาสีเขียวและสีขนสีน้ำเงิน พวกเขาเป็นแมวที่แข็งแรงเป็นอย่างมากเนื่องจากเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ปกติแล้วพวกเขาเป็นแมวที่ค่อนข้างเรียบร้อยและไม่อารมณ์รุนแรงสักเท่าไหร่ เสียงร้องมีความนุ่มนวล เป็นแมวขี้เล่นและชื่นชอบการออกกำลังกาย มักชอบแสดงความรักกับมนุษย์ที่เลี้ยงอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ทำตัวให้มนุษย์อย่างเรารู้สึกรำคาญใจแต่อย่างใด ปัญหาเล็กน้อยของแมวสายพันธุ์นี้ก็คือพวกเขาค่อนข้างขี้อายและขี้กลัว โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับคนแปลกหน้า พวกเขามักพยายามหลีกเลี่ยงด้วยการหลบซ่อนตัว มันจึงค่อนข้างลำบากเวลาจะพาพวกเขาออกไปเดินเล่นหรือไปท่องเที่ยว แม้แต่พาไปหาหมอเองก็ตาม ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจให้ดีไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้แมวรู้สึกเครียดได้

ประวัติความเป็นมาของแมวสายพันธุ์ NEBELUNG

เนบีลัง

เนบีลังเป็นแมวขนกึ่งยาวที่มีประวัติเริ่มต้นในช่วงยุค 80 มีโปรแกรมเมอร์ผู้หนึ่งเลี้ยงแมวบ้านขนสั้นสีดำเอาไว้ ในเวลาต่อมาแมวตัวดังกล่าวก็ได้ผสมพันธุ์กับแมวสายพันธุ์รัสเซี่ยนบลู ออกมาเป็นลูกแมว 5 ตัวที่มีสีน้ำเงินและสีดำ ขนของลูกแมวค่อนข้างสั้น แต่มีอยู่ตัวหนึ่งที่มีขนยาวกว่าใครเพื่อนแถมยังเป็นสีน้ำเงินอีกด้วย หลังจากนั้นแม่แมวก็ออกลูกอีก 1 ตัวที่มีลักษณะใกล้เคียงกับลูกแมวคอกที่แล้ว ลูกแมวเหล่านี้เองที่กลายเป็นที่มาของแมวสายพันธุ์ดังกล่าว โปรแกรมเมอร์คนนั้นตั้งชื่อสายพันธุ์โดยหมายถึงสิ่งมีชีวิตในหมอกตามภาษาเยอรมันเนื่องจากลักษณะภายนอกที่เด่นชัดของพวกเขา 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บคาสิโนที่เป็นที่นิยม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

รู้หรือไม่ ภูมิแพ้แมว เกิดขึ้นได้แถมอาการยังน่ากังวลด้วย 

โรคภูมิแพ้นั้นมีอาการที่หลากหลาย ส่วนใหญ่เรามักเข้าใจว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เพียงแค่อย่างเดียว แต่ความเป็นจริงแล้วสัตว์เลี้ยงของเราอย่างแมวก็สามารถป่วยเป็นโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน สัตว์ที่ป่วยเป็นโรคเหล่านี้มีอาการที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ที่สำคัญมันเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่มีวันรักษาหายอีกด้วย วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโรค ภูมิแพ้แมว ให้มากขึ้นกันว่ามันมีความอันตรายอย่างไร และเราควรดูแลแมวที่ป่วยเป็นโรคนี้อย่างไรบ้าง 

ทำความรู้จักกับโรค ภูมิแพ้แมว โรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย 

ภูมิแพ้แมว

โรคภูมิแพ้แมวส่วนใหญ่มักแสดงอาการออกมาในลักษณะของการแพ้อาหาร เป็นปฏิกิริยาผิดปกติของการทำงานในระบบภูมิคุ้มกันต่อแอนติเจนที่อยู่ในอาหาร ซึ่งเป็นโปรตีนเฉพาะที่สามารถพบได้ในอาหารเท่านั้นโดยอาหารแต่ละประเภทก็จะมีโปรตีนในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าแมวของเรานั้นแพ้โปรตีนชนิดไหน ดังนั้นอาหารชนิดเดียวกัน แมวแต่ละตัวมารับประทานอาจมีทั้งแสดงอาการและไม่แสดงอาการก็เป็นได้

ภูมิแพ้แมว

อาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในแมวส่วนใหญ่มักจะเป็นเนื้อไก่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม เนื้อปลา หรือเนื้อวัว รวมไปถึงสารก่อภูมิแพ้ทั่วไปที่ปะปนมาในอาหารได้เช่นเดียวกัน ปัจจัยที่ทำให้แมวป่วยจากอาการแพ้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากความบกพร่องของระบบพันธุกรรม เป็นโรคที่ติดต่อกันผ่านกรรมพันธุ์ ดังนั้นหากพ่อแม่แมวมีอาการเป็นโรคภูมิแพ้ก็มีอาการสูงที่ลูกของพวกเขาจะมีอาการด้วย จากการวิจัยแล้วพบว่าเพศของแมวไม่มีผลต่ออาการภูมิแพ้แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเพศผู้หรือเพศเมียก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการแพ้ได้เท่ากัน

ภูมิแพ้แมว

สัญญาณที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ว่าพวกเขามีอาการแพ้อาหารก็คือผิวหนังอักเสบ มีอาการคันเรื้อรังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นบริเวณขาหนีบ อุ้งเท้า ขาทั้ง 4 ข้าง ใบหน้า รวมไปถึงหู พวกเขามักจะกัดหรือเลียบริเวณที่คันอยู่เป็นประจำจนส่งผลให้มีขนร่วง มีรอยถลอก หรือมีบาดแผลตามมา นอกจากนี้บางตัวอาจมีอาการทางระบบทางเดินอาหารได้อย่างเช่นอาการท้องร่วงหรืออาเจียน ส่วนใหญ่มักคันที่ทวารหนักจนดิ้นไปมา เมื่อแมวมีอาการเหล่านี้ควรพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน

การวินิจฉัยของสัตวแพทย์ต่ออาการแพ้อาหารในแมว 

ภูมิแพ้แมว

หากแมวของเราป่วยเป็นโรคภูมิแพ้แมว สิ่งที่เราต้องทำคือการพาไปหาสัตวแพทย์ สัตวแพทย์จะทำการวินิจฉัยอาการแมวป่วยโดยการทดสอบที่น่าเชื่อถืออย่างการทดลองอาหาร โดยการให้อาหารที่ไม่มีโปรตีนใดที่แมวเคยกินมาก่อนเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ ซึ่งสามารถทดสอบได้กับอาหารหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นอาหารที่โปรตีนได้รับการย่อยสลายจนมีขนาดเล็ก ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันภายในตัวแมวไม่สามารถจับได้ อาหารที่แมวไม่เคยกินมาก่อน หรือแม้แต่อาหารโปรตีนที่เราปรุงสุกเองในบ้านอย่างเช่นปลานึ่งเป็นต้น สัตวแพทย์จะสามารถกำหนดทิศทางการดูแลแมวได้ดีขึ้นว่าพวกเขาแพ้อะไร เจ้าของต้องหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นและให้แมวรับประทานยาเมื่อมีอาการขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการเกาจนเป็นแผล 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เล่นพนันออนไลน์ได้ที่นี่

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

นักวิจัยเผย เล่นกับแมว อย่างไรให้ถูกต้องตามหลักพฤติกรรมสัตว์และวิทยาศาสตร์ 

แมวเป็นสัตว์ที่มีความเฉพาะตัวสูงเป็นอย่างมาก พวกเขาเป็นตัวของตัวเองและบางครั้งมันก็ทำให้พวกเขามีพฤติกรรมที่ค่อนข้างก้าวร้าวเมื่อเราทำอะไรไม่ถูกใจพวกเขาเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นสัตว์ที่มีประสาทการรับรู้ค่อนข้างไว พฤติกรรมบางอย่างของมนุษย์เองก็น่าจะทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจหรือระแวงไปโดยธรรมชาติก็ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการจะ เล่นกับแมว เราจึงควรเล่นให้ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์และพฤติกรรมสัตว์ ไม่ใช่เพื่อแค่ให้แมวรู้สึกสบายใจ แต่ยังเป็นการช่วยให้แมวมีทั้งสุขภาพกายและจิตที่ดีด้วย เราจึงจะพาทุกคนไปดูกันว่าเราจะสามารถเล่นกับเหลJาแมวทั้งหลายอย่างถูกต้องได้อย่างไร 

เปิดวิธีการ เล่นกับแมว อย่างไรให้ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์และพฤติกรรมสัตว์ 

เล่นกับแมว

บางครั้งเวลาเราเข้าไปผลีผลามจับตัวแมว ทำให้แมวรู้สึกตกใจหรือไม่ปลอดภัยจนพวกเขาตอบโต้กลับมาด้วยความรุนแรง สาเหตุเกิดจากการที่เราเล่นกับพวกเขาไม่ถูกต้องนั่นเอง ความจริงแล้วเราสามารถเล่นกับแมวได้อย่างปลอดภัยทั้งต่อตัวเราเองและกับแมวด้วย เพียงแต่เราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับหลักวิทยาศาสตร์และพฤติกรรมของสัตว์ก่อน การที่เราเข้าไปเล่นกับพวกเขาตามใจตนเองนั้นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องแต่อย่างใด หากเราต้องการเล่นกับพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่มีพฤติกรรมแมวก้าวร้าว สิ่งสำคัญคือมนุษย์อย่างเราต้องควบคุมตนเอง เปิดโอกาสให้แมวมีทางเลือกให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ระหว่างที่มีปฏิสัมพันธ์กัน หลีกเลี่ยงการบีบบังคับทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการ

เล่นกับแมว

มีผลการวิจัยเปิดเผยว่ามีโอกาสน้อยเป็นอย่างมากที่แมวจะยอมให้มนุษย์เล่นด้วยหรือยอมให้สัมผัสตัวเป็นระยะเวลาที่นานหากพวกเขาไม่ได้เริ่มเข้าหาก่อนแต่อย่างใด เราจึงไม่ควรจับตัวแมวในหลายจุดมากจนเกินไปและระยะเวลาก็ไม่ควรนานเกินไปเช่นเดียวกัน เราควรจับบริเวณที่พวกเขาชื่นชอบอย่างเช่นใต้คาง ใบหู หรือแก้ม เนื่องจากบริเวณเหล่านี้เป็นบริเวณที่มีต่อมกลิ่นของพวกเขาอยู่ การสัมผัสบริเวณเหล่านี้จะเพิ่มความปลอดภัยให้กับมนุษย์อย่างเรามากกว่าการไปแต่ต้องบริเวณหลัง ท้อง หรือโคนหางเป็นพิเศษ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเราจะต้องคอยสังเกตพฤติกรรมและปฏิกิริยาของพวกเขาว่าระหว่างที่เราเข้าไปเล่นด้วยนะพวกเขารู้สึกไม่พอใจหรือตึงเครียดหรือไม่ ไม่เช่นนั้นจากแมวที่เคยน่ารักและว่าง่าย ก็อาจจะกลายเป็นแมวที่เครียดและไม่มีความสุขเวลาที่อยู่กับเราอีกต่อไป

รวมสัญญาณที่มนุษย์สังเกตได้ว่าแมวมีความสุขหรือกำลังเครียดเมื่อเล่นกับเรา 

เล่นกับแมว

เวลาเล่นกับแมวเราต้องสังเกตว่าพวกเขามีพฤติกรรมแมวเป็นอย่างไรบ้าง หากพวกเขาอารมณ์ดีหรือมีความสุขเราจะเห็นว่าพวกเขามักเป็นฝ่ายเข้าหาหรือสัมผัสเราก่อน หางจะตั้งตรงขึ้น ใช้เท้านวดตัวเรา มีเสียงกรนอยู่ในลำคอ อยู่ในท่าทางที่ผ่อนคลายสบายใจ สะบัดหางช้าง หูตั้งและงอมาด้านหน้าเล็กน้อย แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาหันหน้าหนี ไม่ตอบสนองต่อการเล่นกับเรา มีการกระพริบตาถี่เป็นพิเศษ สะบัดตัว เกร็งหรือกระตุกกล้ามเนื้อบริเวณหลังและคอ เลียตัวอย่างรุนแรง สะบัดหางแรง หูลู่ไปด้านหลัง หมายความว่าพวกเขากำลังอารมณ์ไม่ดีและกำลังจะหมดความอดทนกับเรานั่นเอง 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บคาสิโนออนไลน์

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

พุงแมว จุดยุทธศาสตร์สำคัญของทาสแมวที่แมวไม่ปลื้ม

สำหรับคนรักแมว ขอแค่ให้เราได้ลูบๆ คลำๆ ก็รู้สึกฟินไปทั้งวันแล้ว แต่ทาสแมวจะฟินมากยิ่งขึ้นไปอีกหากวันใดที่สามารถจก พุงแมว ของตัวเองหรือบรรดาแมวจรได้สำเร็จ นั่นก็เป็นเพราะว่าเป็นเรื่องยากเป็นอย่างมากที่แมวจะยอมให้มนุษย์อย่างเราๆ สัมผัสโดนบริเวณหน้าท้องของพวกมัน ถึงอย่างนั้นพฤติกรรมหวงเนื้อหวงตัวดังกล่าวก็มีเหตุผลอยู่เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รักจึงไม่ให้เราจับ แต่มันมีบางสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นที่ทำให้แมวไม่ปลื้มเวลาเราไปจกพุงพวกเขา แต่มันคืออะไร เราจะพาทุกคนไปดูกัน

เปิดสาเหตุ พุงแมว ทำไมแมวจึงไม่ชอบโดนจกพุง

พุงแมว

การที่แมวไม่ชอบให้มนุษย์ลูบคลำบริเวณหน้าท้องของพวกเขานั้นมีสาเหตุอยู่เช่นเดียวกัน เนื่องจากพุงแมวนั้นเป็นจุดที่เต็มไปด้วยอวัยวะสำคัญมากมายซ่อนอยู่ข้างใน นอกจากนี้บริเวณผนังท้องนั้นเป็นจุดที่ค่อนข้างบางกว่าบริเวณอื่นทั่วลำตัว ทำให้ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่เราพาแมวไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจโรคหรือตรวจสุขภาพ สัตวแพทย์ก็มักจะตรวจเช็คโดยสัมผัสที่หน้าท้องเป็นที่แรกอยู่เสมอ เนื่องจากมันค่อนข้างง่ายต่อการพกความผิดปกติ เดิมทีตามธรรมชาติก่อนที่แมวจะกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงในทุกวันนี้ จุดอ่อนที่พวกเขาจะถูกโจมตีจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากที่สุดก็คือบริเวณหน้าท้องนั่นเอง หากพวกเขาถูกทำร้ายในบริเวณดังกล่าวก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจจะถึงขั้นเสียชีวิตกันเลยทีเดียว

พุงแมว

ดังนั้นการที่แมวรู้สึกหวงพุงของตนเองก็อาจจะเกิดมาจากสัญชาตญาณที่ถูกส่งต่อกันมานับตั้งแต่สมัยอดีต แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแมวบางตัวที่อนุญาตให้มนุษย์ทุกคนสามารถลูบคลำพุงของพวกมันได้ตามความต้องการเช่นเดียวกัน ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดมาจากนิสัยความหวงตัวของแมวแต่ละตัวที่ไม่เท่ากันเสียทีเดียว ดังนั้นหากเจอแมวจรแล้วต้องการจะเข้าไปจกพุงพวกเขา ขอแนะนำว่าให้ระวังตัวไว้สักเล็กน้อยน่าจะดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นแมวดุที่พร้อมจะแจกยันต์ห้าแถวให้กับเราเมื่อเราเข้าไปยุ่งกับบริเวณหน้าท้องของพวกเขาหรือไม่

พุงแมว

ในขณะเดียวกันเองหากเป็นแมวเลี้ยงของเราที่เรามั่นใจว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน การลูบคำพุงของพวกเขาอยู่เป็นประจำโดยที่พวกเขาไม่ชอบก็ไม่ใช่พฤติกรรมที่ดีสักเท่าไหร่เช่นเดียวกัน เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้ทำร้ายร่างกายเราแต่มันก็ก่อให้เกิดความเครียดตามมาได้ 

เพราะเหตุใดแมวบางตัวจึงยอมให้มนุษย์สัมผัสหน้าท้อง 

พุงแมว

อย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่าการที่แมวไม่ยอมให้สัมผัสบริเวณหน้าท้องของพวกเขาเกิดจากสัญชาตญาณที่มีมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ในอดีตก่อนที่แมวจะมาเป็นสัตว์เลี้ยงเหมือนกับทุกวันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นแมวบางตัวก็อนุญาตให้มนุษย์อย่างพวกเราจกพุงแมวของพวกเขาได้ตามความต้องการเช่นเดียวกัน สาเหตุมีอยู่ 2 ประการก็คือ ข้อที่ 1 พวกเขาไว้วางใจเราเป็นอย่างมากว่าเราจะไม่ทำร้ายให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน หรือข้อที่ 2 พวกเขาเป็นแมวที่ใจดีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ใช่แมวดุที่ไม่สามารถจับเนื้อต้องตัวได้แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงอนุญาตให้มนุษย์อย่างเราสามารถสัมผัสกับพุงได้ตามความต้องการ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าเป็นส่วนน้อยเช่นเดียวกัน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บไซต์ที่ไม่ได้มีแค่คาสิโนออนไลน์

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

เปิดสาเหตุ เพราะอะไร นิสัยแมว จึงมักเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดที่ยากจะเข้าใจ 

หากคุณเป็นคนเลี้ยงแมวหรือเคยเลี้ยงแมวมาก่อนแน่นอนว่าตลอดระยะเวลาร่วม 10 ปีที่อยู่กับแมวมาย่อมพบกับพฤติกรรมหรือ นิสัยแมว ที่แปลกประหลาดยากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน พวกเขามักมีพฤติกรรมที่เราไม่เข้าใจอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการชอบลงไปนอนซุกตัวอยู่ในกล่อง การชอบขึ้นมานั่งทับบนคีย์บอร์ด การที่พวกเขามักจะข้ามซากสัตว์หรือแมลงมาให้เราอยู่เป็นประจำ การที่เขามักจะสะกิดเราแต่พอเล่นด้วยกลับไม่สนใจเสียอย่างนั้น ความจริงแล้วพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่พฤติกรรมไร้เหตุผลเสียทีเดียว และเราจะพาทุกคนไปเปิดสาเหตุว่าเพราะอะไรแมวจึงได้มีพฤติกรรมเหล่านี้ออกมาให้เราได้เห็นกัน 

รวมพฤติกรรมและ นิสัยแมว ที่แปลกประหลาดแต่มีเหตุผล 

นิสัยแมว
  • แมวกระโดดทับเวลานอน ในตอนกลางคืนหลายคนมักรู้สึกเหมือนถูกผีอำ แต่ความเป็นจริงแล้วเกิดจากการที่แมวของเรากระโดดขึ้นมาทับเวลานอนต่างหาก เป็นนิสัยแมวที่แปลกประหลาดเกินกว่าความเข้าใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วพฤติกรรมแมวดังกล่าวเกิดจากการที่พวกเขาแค่ต้องการที่จะอยู่กับคุณ หรือไม่พวกเขาก็ต้องการที่จะบอกความต้องการบางอย่างเช่นน้ำ อาหาร หรือแม้แต่ความสนใจจากเจ้าของก็ตาม
นิสัยแมว
  • แมวชอบนั่งทับคีย์บอร์ด พฤติกรรมนี้เกิดจากการที่อุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างคอมพิวเตอร์หรือคีย์บอร์ดมักเป็นสถานที่ที่อุ่นสบาย ไม่เพียงเท่านั้นภาพบนหน้าจอที่เคลื่อนไหวยังสามารถกระตุ้นให้พวกเขาเกิดความสนใจได้เป็นอย่างดี มันจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมพวกเขาจึงมักจะมานอนอยู่บริเวณนี้อยู่เสมอ
นิสัยแมว
  • แมวลงไปนอนในกล่องขนาดเล็ก แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักแต่ตามธรรมชาติแล้วพวกเขาจัดเป็นสัตว์นักล่าเช่นเดียวกัน พวกเขาจึงมักลงไปซ่อนอยู่ในกล่องซึ่งเป็นพฤติกรรมจากสัญชาตญาณในอดีตที่แมวมักจะซ่อนอยู่ในสถานที่แคบเพื่อซุ่มดูเป้าหมายแบบให้ไม่มีใครได้ทันสังเกต ไม่เพียงเท่านั้นมันยังช่วยให้พวกเขารู้สึกคลายกังวลและปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย
นิสัยแมว
  • แมวชอบสะกิด แมวบางตัวชอบเอาขามาสะกิดเราแต่พอเราไปเล่นด้วยพวกเขากลับไม่สนใจเสียอย่างนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเพียงแค่ต้องการความสนใจ ให้เราลูบตัวเบาๆ เล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว หรือไม่ก็อาจเป็นการขอให้เราสละเวลาไปเล่นด้วย อาจรวมถึงการขอขนมแมวเลียเช่นเดียวกัน 

แมวชอบคาบซากสัตว์และแมลงมาให้ หมายความว่าอย่างไร

แมวชอบคาบซากสัตว์

หนึ่งในนิสัยแมวที่ทำให้คนเลี้ยงปวดหัวก็คือพวกเขามักจะคราบซากสัตว์ขนาดเล็กหรือแมลงมาให้เราอยู่เสมอ หลายคนอาจสงสัยว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ พฤติกรรมแมวดังกล่าวไม่ได้ต้องการแกล้งให้เรากลัว แต่พวกเขาเป็นนักล่าตามธรรมชาติและชื่นชอบที่จะไล่ล่าสัตว์ที่มีขนาดเล็กและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาล่าเหยื่อได้แล้วพวกเขาเหล่านั้นมาให้เรา แปลว่าพวกเขารักและเห็นเราเป็นหนึ่งในครอบครัว ดังนั้นครั้งต่อไปที่แมวของคุณคาบซากสัตว์มาให้ เชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจแล้วว่าพวกเขามีเจตนาที่ดี

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บพนันออนไลน์เชื่อถือได้

Categories
สายพันธ์แมว สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

แมวภูเขาจีน แมวขนยาวตัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภูมิอากาศโหดร้ายที่สุดในโลก

หากคุณคิดว่าเมืองไทยเป็นประเทศที่มีอากาศโหดร้ายแล้ว ความจริงแล้วบนโลกใบนี้มีอีกหลายพื้นที่เลยทีเดียวที่มีสภาพอากาศโหดร้ายจนทำให้มีสัตว์บางชนิดเท่านั้นที่อาศัยอยู่ได้อย่างเช่นบริเวณที่มีพื้นที่ป่าทึบ ป่าไผ่ ทุ่งอัลไพน์ รวมไปถึงที่ราบสูงทางตอนเหนือของประเทศจีนที่มีอากาศหนาวจัดแถมยังเป็นพื้นที่กึ่งทะเลทรายอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแมวอยู่สายพันธุ์หนึ่งที่สามารถอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศโหดร้ายที่สุดในโลกได้ พวกเขาก็คือ แมวภูเขาจีน นั่นเอง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่สัตว์เลี้ยงแต่ก็มีความน่ารักและน่าสนใจเป็นอย่างมาก วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้นกัน 

ทำความรู้จักกับ แมวภูเขาจีน CHINESE MOUNTAIN CAT แมวที่น่ารักแต่แข็งแรงอย่างน่าเหลือเชื่อ 

แมวภูเขาจีน

แมวภูเขาจีนมีอีกหนึ่งชื่อที่รู้จักกันดีอย่างแมวทะเลทรายจีน พวกเขาเป็นแมวที่น่ารักแถมยังมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ มีขนฟู ดูเผินๆ แล้วเหมือนกับแมวเลี้ยงเป็นอย่างมาก แต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศโหดร้ายมากที่สุดในโลก นักวิทยาศาสตร์จึงมีข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาค่อนข้างน้อย คาดการณ์กันเอาไว้ว่าพวกเขาน่าจะเป็นสายพันธุ์ย่อยจากแมวป่ายุโรป และยังเชื่อกันด้วยว่าพวกเขาเป็นญาติใกล้ชิดกับแมวยุโรป รวมไปถึงแมวทราย แต่ยังไม่ได้มีการวิเคราะห์ทางโครโมโซมอย่างแน่ชัดแต่อย่างใด พวกเขาเป็นแมวขนาดกลางที่มีรูปร่างอ้วน ค่อนข้างเตี้ย ลำตัวมีความยาวสูงสุดได้ถึง 90 เซนติเมตร ขาสั้น มีลวดลายบนขนแต่ค่อนข้างจาง ขนชั้นในจะมีความหนานุ่ม ส่วนขนชั้นนอกจะมีความยาวและหนาเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่แล้วจะมีสีเทาอมเหลือง แซมด้วยลวดลายสีดำ บริเวณหลังจะเป็นบริเวณที่มีสีดำมากกว่าตำแหน่งอื่น ใต้ตัวนั้นจะเป็นสีเทาอ่อนหรือสีขาว

แมวภูเขาจีน

ในบางตัวจะพบลายสีน้ำตาลบริเวณแก้มและสีข้างเช่นเดียวกัน ในช่วงฤดูหนาวขนของพวกเขาจะสีอ่อนลง ในขณะที่ฤดูร้อนขนของพวกเขาจะมีสีที่เข้มขึ้น หูสั้นเสียงออกด้านข้าง เท้าของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยขนที่ยาวเป็นอย่างมาก เป็นการปรับตัวเพื่อให้พวกเขาสามารถเดินบนพื้นที่ลื่นได้เป็นอย่างดี น้ำหนักสูงสุดสามารถไปได้ถึง 9 กิโลกรัมเลยทีเดียว ที่อยู่อาศัยของพวกเขานั้นไม่ใช่ภูเขาหรือทะเลทรายตามชื่อแต่อย่างใด ส่วนใหญ่เราจะพบพวกเขาตามริมเขา ป่าทึบ ทุ่งหญ้า ป่าไผ่ รวมไปถึงที่ราบสูงในเขตทิเบต มณฑลชิงไห่ และมณฑลเสฉวน บริเวณเทือกเขาที่มีระดับความสูงมากกว่า 4.1 พันเมตร เทือกเขาทางตอนใต้ ภูเขาที่ใกล้กับหลานโจ พวกเขาสามารถแพร่กระจายพันธุ์ไปจนถึงบริเวณที่ราบสูงทะเลทรายที่มีภูมิอากาศโหดร้ายมากที่สุดในโลกอีกด้วย มีอากาศร้อนจัดหนาวจัด แถมยังมีลมพัดตลอดทั้งปี 

อุปนิสัยและการล่าของแมวสายพันธุ์ CHINESE MOUNTAIN CAT 

แมวภูเขาจีน

แมวภูเขาจีนหรือแมวทะเลทรายจีนนั้นไม่ค่อยได้รับการศึกษาค้นคว้าสักเท่าไหร่ ข้อมูลที่มีจึงเป็นข้อมูลจากการสังเกตไม่ว่าจะเป็นของเหล่าพรานป่าหรือแม้แต่การเลี้ยงในสวนสัตว์ พวกเขาเป็นสัตว์หากินเวลากลางคืน หากินตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงก่อนรุ่งเช้า จากนั้นก็จะพักผ่อนรวมไปถึงเลี้ยงลูก ที่อยู่อาศัยของพวกเขานั้นจะเป็นโครงโดยมักจะหันไปทางทิศใต้อยู่เสมอ ตัวเมียจะสร้างโพรงที่ปลอดภัย มีความลึก มีทางเข้าเพียงแค่ทางเดียวเพื่อปกป้องตนเองและลูก เหยื่อของพวกเขาส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกสัตว์ฟันแทะนะนก พวกเขาจะอาศัยกันฟังเสียงว่าเหยื่อเคลื่อนไหวอย่างไรในอุโมงค์ใต้ดิน เมื่อหาตำแหน่งได้พวกเขาก็จะขุดดินเพื่อจับเหยื่อขึ้นมา 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com แหล่งรวมการพนันออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น แทงหวย แทงมวย บาคาร่า สล็อต รูเล็ต และอื่นๆอีกมากมาย

Categories
สายพันธ์แมว สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

แมวพัลลัส แมวตัวอ้วนกลมที่มีความสามารถในการล่าเหยื่อไม่แพ้ใคร 

แมวพัลลัส

หลายคนมีภาพจำว่าแมวที่เป็นสัตว์ป่านั้นจะต้องมีรูปร่างผอมเพรียว สามารถวิ่งหรือปีนป่ายได้อย่างรวดเร็วว่องไว เพราะการอาศัยอยู่ในป่านั้นพวกเขาจำเป็นจะต้องล่าสัตว์ด้วยตัวเอง แถมพวกเขายังมักจะถูกนำเอาไปเปรียบเทียบกับเสืออีกด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แมวที่อาศัยอยู่ในป่าทุกตัวที่จะมีรูปร่างแบบนั้นแต่อย่างใด หนำซ้ำบางสายพันธุ์ยังมาพร้อมกับความอ้วนตุ้ยนุ้ยอีกต่างหาก อย่างเช่นที่เราจะมาแนะนำกันดีวันนี้อย่าง แมวพัลลัส นั่นเอง 

ทำความรู้จักกับ แมวพัลลัส ตัวอ้วนกลมจนหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นแมวขนาดใหญ่ 

แมวพัลลัส

แมวพัลลัส เป็นแมวป่าที่ได้รับความนิยมบนโลกอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขามีหน้าตาน่ารัก ลำตัวอ้วนกลมตุ้ยนุ้ย แถมยังมีขนปุกปุยทั่วลำตัวอีกต่างหาก ลักษณะภายนอกของพวกเขานั้นโดยทั่วไปแล้วจะมีขนที่ยาวจนทำให้ดูเหมือนเป็นแมวขนาดใหญ่ แต่ความจริงแล้วพวกเขามีขนาดใกล้เคียงกับแมวบ้านทั่วไปที่น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมเท่านั้น มีความยาวลำตัวสูงสุดอยู่ที่ 60 เซนติเมตร มีรูปร่างที่ค่อนข้างล่ำซำและขาสั้น ขนตามลำตัวเป็นสีเทา ด้านบนเป็นสีขาว ทำให้เหมือนกับพวกเขามีน้ำแข็งเกาะอยู่ตลอดเวลา บริเวณท้องจะมีขนที่ยาวกว่าลำตัวถึง 2 เท่าเลยทีเดียว มีลวดลายสีดำถ้าตามลำตัวเป็นแนวขวาง ตลกของพวกเขาค่อนข้างสั้นและกลม กระบอกปากสั้น เบ้าตาต่ำ รูม่านตาเป็นทรงกลมแตกต่างจากแมวทั่วไปที่จะเป็นทรงรีเหมือนกับเมล็ดข้าว ตำแหน่งหูของพวกเขาก็อยู่ต่ำกว่าแมวชนิดอื่นเช่นเดียวกัน โดยจะอยู่บริเวณข้างหัวใกล้กับปลายหางตา

แมวพัลลัส

พวกเขานั้นมีสายเลือดที่ใกล้ชิดกับแมวอีกชนิดหนึ่งอย่างแมวดาวเป็นอย่างมาก นักวิทยาศาสตร์มีการประเมินว่าพวกเขาแยกสายพันธุ์กันในช่วง 5.9 ล้านปีก่อน ปัจจุบันเราสามารถพบพวกเขาได้ในแถบเอเชียกลางตั้งแต่ทางตะวันตกในอิหร่านไปจนถึงทางตะวันตกของประเทศจีน รวมไปถึงบริเวณทางตอนใต้ของรัสเซีย เทือกเขาหิมาลัย และพื้นที่ราบสูงทิเบต พวกเขามักชื่นชอบบริเวณที่มีทุ่งหญ้าและมีกองหิน ไม่ค่อยชอบพื้นที่เปิดโล่งซักเท่าไหร่ สามารถอาศัยอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ 400 เมตรถึง 4.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเลยทีเดียว ร่างกายได้รับการออกแบบมาให้สามารถทนอากาศหนาวได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ชอบอยู่ในพื้นที่ที่มีหิมะตลอดทั้งปีเช่นเดียวกัน

อุปนิสัยของแมวสายพันธุ์ PALLAS’S CAT แมวอ้วนที่ดุร้ายแถมยังไม่กลัวคน 

แมวพัลลัส

เป็น แมวพัลลัส เป็นแมวป่าที่มีพื้นที่หากินกว้างเป็นอย่างมาก พวกเขาสามารถหากินได้สูงสุดกว่า 30 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว ปกติแล้วพวกเขาจะมีนิสัยรักสันโดษและชอบหากินตามลำพังในช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่พลบค่ำ ในช่วงเวลากลางวันพวกเขามักจะพักผ่อนอยู่ในโพรงเก่าของสัตว์ชนิดอื่นเนื่องจากตัวเองขุดโพรงไม่เป็น เหยื่อของพวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นนก สัตว์ฟันแทะตัวเล็ก พวกเขาวิ่งไม่เก่งจึงมักจะอาศัยการหลบซ่อนหรือหมอบอยู่นิ่งๆ มากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นสัตว์ที่ดุร้ายและไม่กลัวคนเช่นเดียวกัน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://midwestrailplan.org/ เว็บไซต์พนันออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยมในเหล่าเซียนพนัน