Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

แมวร้องไม่หยุด มีสาเหตุมาจากอะไร เจ้าของควรทำยังไง

ในการเลี้ยงแมวนั้น นอกเหนือจากการดูแล ใส่ใจ ให้ความรักความอบอุ่นกับเจ้าเหมียวแล้ว เจ้าของยังต้องหมั่นคอยสังเกตพฤติกรรมต่างๆ ของแมวด้วย เพราะแมวเป็นสัตว์ที่มักจะไม่แสดงอาการเจ็บป่วยออกมาโดยตรง แต่มักจะมีสัญญาณเตือนในแบบต่างๆ โดยเจ้าของจะต้องสังเกตเอง แม้จะไม่ถึงขนาดมองตาก็รู้ใจ แต่ก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจไว้ ยิ่งถ้าหากเจอในกรณีอย่างแมวร้องไม่หยุด ทั้งๆ ที่ตามปกติแล้วแมวมักจะไม่ส่งเสียงร้องออกมาง่ายๆ นั่นหมายถึงการแสดงถึงอาการผิดปกติของเจ้าเหมียวที่ต้องการจะสื่อสารให้เจ้าของเข้าใจ โดยเหตุผลที่ทำให้แมวร้องไม่หยุดนั้น มีดังนี้

แมวร้องไม่หยุด สัญญาณเตือนเจ้าของให้รู้ถึงความผิดปกติ

  1. บาดเจ็บหรือป่วย – หากแมวที่เลี้ยงนั้น ไม่ได้มีลักษณะช่างพูด ช่างคุย (ส่วนใหญ่แมวที่มักจะชอบชวนคุย มักเป็นแมวไทย) แต่จู่ๆ กลับมีพฤติกรรมแบบที่ร้องไม่หยุดให้สันนิษฐานไว้ก่อนได้เลยว่า แมวอาจมีอาการบาดเจ็บ หรือรู้สึกไม่สบายตัว ทั้งนี้เจ้าของสามารถสังเกตพฤติกรรมอื่น ควบคู่กับการที่แมวร้องไม่หยุด ไปด้วย แต่ถ้ายังไม่สามารถตรวจหาสิ่งผิดปกติทางร่างกายเจอ ควรพาไปหาสัตวแพทย์ดีกว่า
  2. ความเครียด ต้องการเรียกร้องความสนใจ – สำหรับแมวเลี้ยงระบบปิดที่ถูกจำกัดพื้นที่ หากยังไม่สามารถปรับสภาพได้ หรือเลี้ยงเพียงตัวเดียว แมวอาจเกิดความเครียดหรือรู้สึกเหงา บวกกับเจ้าของอาจจะมีไม่ค่อยมีเวลาให้เท่าที่ควร สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการที่แมวร้องไม่หยุด ได้เช่นกัน เพราะธรรมชาติแมวนั้นมักจะชอบให้เจ้าของสนใจและเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ การร้องจึงเป็นเหมือนการแสดงออกอย่างหนึ่งที่กำลังเตือนว่าให้สนใจฉันได้แล้วนั่นเอง โดยเจ้าของต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมเจ้าเหมียวด้วย
  3. อาการติดสัด – สำหรับแมวที่มีอาการติดสัดนั้น เป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของแมวตัวเมียที่มักจะร้องเรียกหาแมวตัวผู้ ทั้งนี้อาจไม่ยอมทานข้าว ทานน้ำ หรือแม้แต่อาจมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป อย่างเช่น ฉี่นอกกระบะทราย หรืออาจหนีออกจากบ้านด้วย
  4. ตกอยู่ในอันตราย – หากเมื่อแมวร้องไม่หยุด อาจหมายถึงอยู่ในภาวะที่เป็นอันตราย ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น เล็บติดกับผ้าต่างๆ โดนจับตัวโดยที่ไม่ยินยอม หรือแม้แต่กำลังตื่นกลัว ตกใจเสียงดังอย่างเสียงประทัด เสียงพลุ เสียงปืน หรือเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าด้วย จนทำให้แมวร้องไม่หยุดเลยทีเดียว

แมวร้องไม่หยุด แก้ไขได้ไม่ยาก

หากพบว่าแมวที่เลี้ยงไว้มีอาการดังกล่าว เจ้าของควรรีบหาสาเหตุให้ได้โดยเร็ว เพราะปกติแล้วแมวร้องไม่หยุด เป็นเพียงอาการเริ่มต้น ไม่ว่าจะเจ็บป่วยทางร่างกาย มีปัญหาสุขภาพ หรือแม้แต่กำลังตกใจ เครียด กังวลที่เป็นปัญหาทางใจ เพราะยิ่งถ้าหากรู้สาเหตุได้เร็ว ก็จะทำให้เจ้าของแก้ปัญหาได้เร็วด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายที่ร้ายแรงไปมากกว่านี้ด้วย จึงจำเป็นต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมอยู่เป็นประจำนั่นเอง

สนับสนุนโดย

PAPERINDUSTRYMAG.COM

Categories
ลูกแมวในฟาร์ม

ลูกแมวท้องเสียเกิดจากสาเหตุอะไร พร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้น

แมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดอย่างมาก โดยมักจะมีวิธีทำความสะอาดตัวเองโดยการเลียขนอยู่เสมอๆ สำหรับแม่แมวที่มีลูกแมวนั้น การประคบประหงมเลี้ยงลูกแมวจึงมักจะต้องเลียขนทำความสะอาดให้กับตัวลูกแมวเป็นประจำตั้งแต่ยังตายังไม่แตก (ยังไม่ลืมตา) จนไปถึงโตแล้วก็ตาม เมื่อลูกแมวเริ่มโตมาอีกหน่อยพอจะหัดเดินและวิ่งเล่น เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้บ้าง อาจมักจะซุกซนชนิดที่ว่าเจ้าของอาจจะเผลอพลาดและทำให้ลูกแมวมีอาการเจ็บป่วยได้ ซึ่งส่วนใหญ่ลูกแมวท้องเสียเป็นอาการที่พบได้บ่อยมากที่สุด หากไม่รีบหาสาเหตุมีโอกาสเสี่ยงชีวิตได้มาก ดังนั้น ลองมาดูว่าลูกแมวท้องเสียเกิดจากสาเหตุอะไร และหากเจอแล้วมีวิธีแก้ไขเบื้องต้นอย่างไร ก่อนนำไปพบสัตวแพทย์ ดังนี้

  1. หากพบว่าลูกแมวท้องเสียนั้น อย่างแรกคือ ให้จับแยกลูกแมวตัวที่ท้องเสียออกมาก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวอื่นได้รับเชื้อเข้าไป เมื่อแยกกรงแล้วให้สังเกตที่อุจจาระของลูกแมว ว่าถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือถ่ายแบบเป็นยาสีฟัน (ไม่เหลวแต่ไม่เป็นก้อน) ถ้าทำได้เจ้าของควรเก็บอุจจาระของลูกแมวที่ท้องเสียไว้ เพื่อส่งให้สัตวแพทย์ได้ตรวจ ทั้งนี้วิธีแก้ไขเบื้องต้นต้องสังเกตอาการของลูกแมวอย่างละเอียดด้วย
  2. หากลูกแมวมีอาการอื่นควบคู่กันอย่างเช่น มีไข้ อาเจียน ซึม ไม่เล่นเหมือนแต่ก่อน หรือแม้แต่เหงือกมีสีซีดลง ควรรีบพาไปหาสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะวิธีแก้ไขเบื้องต้นอาจไม่สามารถช่วยได้ เมื่อลูกแมวท้องเสียเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง และมักจะมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว เจ้าของจำเป็นต้องสังเกตอาการอย่างสม่ำเสมอ เพราะลูกแมวนั้นแทบไม่ต่างกับเด็กทารกเลยด้วยซ้ำไป
  3. อาการท้องเสียในลูกแมวส่วนใหญ่ที่มักจะพบได้ว่าเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากแมวตัวอื่นที่เป็นพาหะ หรือไม่ก็เล่นซนตามประสา และกินไปเรื่อยแบบจนทำให้ท้องเสีย หรือแม้แต่ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเจ้าของเองที่อาจจะเผลอให้นมวัวกับลูกแมว ซึ่งแมวทุกตัวไม่สามารถทานนมวัวได้ เพราะร่างกายไม่สามารถย่อยแลคโตสในนมวัวได้ วิธีแก้ไขเบื้องต้นอีกทางคือ เมื่อแยกลูกแมวท้องเสียแล้ว ให้งดอาหารก่อน 24 ชั่วโมง สามารถให้น้ำได้แต่น้อย แล้วดูอาการอีกที

อย่างไรก็ตามวิธีแก้ไขเบื้องต้น หากลูกแมวท้องเสียนั้น อาจไม่ได้ผลเสมอไปอย่าลืมสิ่งสำคัญว่าลูกแมวนั้น ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ ทำให้ร่างกายของลูกแมวนั้นยังไม่มีภูมิต้านทานมากนัก หากท้องเสียและมีอาการร่วมอื่นๆ หากร้ายแรงจะทำให้ลูกแมวเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทางที่ดีที่สุด คือรีบพาไปหาสัตวแพทย์จะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเหมียวเองด้วย

Categories
สุขภาพ

ขนมแมวเลียให้แมวทานอย่างไรเพื่อไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

การทานอาหารสำหรับเจ้าเหมียวนั้น ควรได้รับสารอาหารให้ได้อย่างครบถ้วนเพียงพอต่อร่างกาย นอกจากอาหารมื้อหลักอย่างอาหารเม็ด อาหารเปียกที่เหมาะสมกับแมวแต่ละช่วงวัยแล้ว การให้แมวได้ทานอาหารเสริมประเภทอื่นๆ จะช่วยทำให้แมวไม่เบื่ออาหาร และมีสุขภาพดีได้ ขนมแมวเลียเองก็เป็นหนึ่งในอาหารเสริมสำหรับเจ้าเหมียวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้อาหารเสริมหรือขนมสำหรับแมวประเภทอื่นๆ อย่างมาก สามารถทานได้ทุกวัย โดยแมวที่มีอายุ 2 เดือนขึ้นไปถึงจะสามารถทานได้ ขนมแมวเลียยังเป็นที่ชื่นชอบของเจ้าเหมียวอย่างมาก แต่จะทาน ขนมแมวเลียแบบไหน ให้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของแมวได้ มีเคล็ดลับง่ายๆ ดังนี้

  1. ก่อนเลือกซื้อ ขนมแมวเลีย ควรเลือกจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ มีบอกรายละเอียดและส่วนผสมต่างๆ ให้ชัดเจน ที่สำคัญ หากมีเครื่องหมายรับรองผ่านการดูแลควบคุมของหน่วยงานที่เกี่ยวกับการดูแลสัตว์จะยิ่งเป็นขนมแมวเลียที่สามารถทานได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของแมว
  2. ส่วนผสมของ ขนมแมวเลียเป็นสิ่งที่เจ้าของต้องใส่ใจ เพราะบางยี่ห้ออาจมีปริมาณแคลอรี่จำนวนมากหากให้แมวทานมากเกินไป นอกจากจะส่งผลต่อน้ำหนักตัวเจ้าเหมียวแล้ว อาจทำให้มีผลกระทบในเรื่องระบบการทำงานภายในร่างกายด้วย เช่น ระบบลำไส้ การย่อยอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้สิ่งสำคัญภายในส่วนประกอบของ ขนมแมวเลียนั้น ไม่ควรมีความเค็มมากเกินไป เพราะอาจทำให้ไตของแมวทำงานหนัก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เจ้าของเองก็สามารถลองชิมขนมของเจ้าเหมียวก่อนที่จะให้แมวทานได้ เพื่อเป็นการทดสอบรสชาติได้อีกทางหนึ่งด้วย
  3. ปริมาณการทาน ขนมแมวเลีย การทานขนมแมวเลียแบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเจ้าเหมียวนั้น สามารถคำนวณได้จากวัยและน้ำหนักตัวของแมว ทั้งนี้การทานขนมแมวเลียที่เหมาะสมที่สุดคือ ให้ทานได้ไม่เกิน 10% ของพลังงานที่ร่างกายจะต้องได้รับในแต่ละวัน โดยแมวจะต้องมีสุขภาพดี แข็งแรงสมบูรณ์ไม่ป่วยเป็นโรคใดๆ ส่วนอีก 90% ที่เหลือควรได้จากสารอาหารหลักถึงจะพอเพียงต่อแมวนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ขนมแมวเลียนั้น ไม่ควรให้แมวบ่อยครั้งเพราะอาจทำให้แมวเสียนิสัยไม่ยอมทานอาหารหลัก หากการให้ขนมแมวเลียที่ถูกต้องอาจใช้เป็นรางวัลหลอกล่อ ใช้เป็นรางวัลในการทำกิจกรรมร่วมกัน หรือฝึกเจ้าเหมียวให้ทำตามคำสั่งง่ายๆ หรือแม้แต่การชวนให้แมวออกกำลังกายก็ได้ คล้ายกับเป็นแรงจูงใจให้แมวได้เช่นกัน ที่สำคัญเจ้าของต้องใจแข็งอดทนไม่ให้เมื่อแมวเรียกร้องอยากทานขนมด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าเหมียวนั่นเอง

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

เลือกทรายแมวแบบไหน ถูกใจทั้งคนเลี้ยงและเจ้าเหมียวตัวโปรด

ทรายแมวที่เป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีทั้งหมดแบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

  1. ทรายแมววแบบไม่จับตัวเป็นก้อน
  2. ไม่เป็นที่นิยมใช้ มีลักษณะเหมือนทรายสำหรับก่อสร้างทั่วไป ที่สำคัญไม่เก็บกลิ่น มีข้อดีเดียวคือราคาถูกเท่านั้น

  3. ทรายแมวแบบจับตัวเป็นก้อน
  4. เป็นทรายแมวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยเพราะราคาไม่สูง ง่ายต่อการใช้งาน เก็บกลิ่นของเสียจากเจ้าเหมียวได้ดีในระดับหนึ่ง มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กและมีแร่เบนโทไนท์เป็นหลัก ซับน้ำได้ดี จับตัวเป็นก้อนตักทิ้งทำความสะอาดกระบะทรายได้ง่าย ทั้งนี้ทรายแมวแบบจัดตัวเป็นก้อนแบ่งแยกย่อยได้อีก 2 แบบคือ ทรายแมวภูเขาไฟ ซึ่งมีการนำหินภูเขาไฟมาบดเป็นเกร็ดผสมกับแร่เบนโทไนท์อีกที กำจัดกลิ่นได้ดี และทรายแมวเบนโทไนท์อัดก้อน เกรดจะต่ำว่าทรายแมวภูเขาไฟ อาจมีส่วนผสมของผงซีเมนต์ในบางยี่ห้อเพื่อลดต้นทุนการผลิต ข้อดีคือ ราคาถูกและจับตัวเป็นก้อน แต่ข้อเสียสำคัญที่จะส่งผลต่อสุขภาพของแมวในระยะยาวคือ มักจะมีฝุ่นและสารเคมีอันตรายบางชนิดนั่นเอง

  5. ทรายแมวแบบย่อยสลายตามธรรมชาติ
  6. เป็นทรายแมวที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ มีหลายเกรด ราคาแตกต่างกัน โดยแยกจากวัสดุตามธรรมชาติที่ผลิตออกมาให้เห็นกันบ่อยในบ้านเรา ดังนี้

    • ทรายเต้าหู้ ได้รับความนิยมอย่างมาก เก็บกลิ่นได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงแมวในคอนโด หรืออพาร์ทเมนต์ เพราะเมื่อทำความสะอาดกระบะทรายแมวสามารถทิ้งลงชักโครกย่อยสลายได้ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ราคาสูงไม่มาก แต่ถือว่าคุ้มค่าใช้ได้
    • ทรายไม้สน เป็นทรายที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดาทรายแบบย่อยสลาย จุดเด่นคือเก็บกลิ่นได้ดี แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องเลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพดีกว่า เพราะหากเจอทรายไม้สนแบบลดต้นทุน อาจมีสารเคมีตกค้างติดมาได้เช่นกัน
    • ทรายข้าวโพด/ข้าวสาลี จุดขายของทรายข้าวโพดนั้น การันตีว่าแมวสามารถทานได้ ไม่เป็นอันตราย เหมาะสำหรับลูกแมวที่กำลังหัดใช้กระบะทรายแมว แต่ทั้งนี้ในบ้านเรายังค่อนข้างมีราคาสูงและหาซื้อได้ยากด้วย
    • ทรายจากเปลือกวอลนัท เป็นสุดยอดพรีเมี่ยมของทรายแมวที่ย่อยสลายตามธรรมชาติ จับตัวได้ดี แทบไม่มีฝุ่น ย่อยสลายเร็ว แต่ข้อเสียคือ ยังคงมีราคาสูง และหาซื้อได้ยาก
  7. ทรายแมวแบบคริสตัลหรือซิลิก้าเจล
  8. ไม่มีฝุ่น 100% เก็บกลิ่นได้ดี ที่สำคัญสามารถล้าง ตากแดดแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ทั่วไปทรายแมวแบบคริสตัล จะมีอายุราวๆ 6-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งาน มีลักษณะเป็นก้อนกรวดใส หรือมีสีอื่นปะปน เม็ดพรุน ทั้งนี้เจ้าของต้องดูแลรักษาความสะอาดก่อนที่ทรายจะออกสีเหลืองด้วย

หมั่นดูแลทรายแมวในกระบะสะอาดอยู่เสมอ

การเลือกทรายแมวให้กับเจ้าเหมียวควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน สภาพแวดล้อมในแต่ละบ้าน อีกทั้งการทำความสะอาดกระบะทรายก็เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของต้องหมั่นดูแล เพราะกระบะทรายที่สะอาดย่อมส่งผลถึงสุขภาพของแมวด้วยเช่นกัน

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

ทำอย่างไรหากแมวร้องไม่หยุด และเพราะอะไรทำไมถึงร้อง?

ทาสแมวทั้งหลายเคยเจอปัญหาแบบนี้ไหม อยู่ ๆ แมวก็ร้องไม่หยุด ไม่รู้ว่าเป็นอะไรและร้องนานมาก ส่งผลเสียต่อหลาย ๆ อย่าง เช่น เพื่อนบ้านรำคาญ หรือ รบกวนคนอื่นแล้วเราจะมีวิธีการจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี ในบทความนี้มีคำตอบ

สาเหตุที่ทำให้แมวร้องไม่หยุดมีอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ก็ละเลยไม่ได้เชียว

มาดูกันเลยว่าทำไมเจ้านายที่แสนน่ารักของเราจึงกลายเป็นแมวร้องไม่หยุด ซึ่งสาเหตุก็สามารถมาจากไม่กี่ปัจจัย ได้แก่

  • น้องเหมียวตัวน้อยแสนน่ารักเรียกร้องความสนใจ อยากให้อยู่ใกล้ ๆ อยากอ้อน แน่นอนว่าสามารถเกิดขึ้นได้กับแมวทุกเพศ และทุกวัยเลยสำหรับปัจจัยนี้ ยิ่งหากเป็นแมวสก็อตทิช โฟลด์ที่มีนิสัยขี้อ้อนอยู่แล้ว และไม่ชอบการอยู่ลำพัง ยิ่งต้องให้ความสนใจ ใส่ใจเป็นพิเศษ
  • น้องเหมียวน้อยกำลังคิดถึงเพื่อน ๆ สถานที่ที่คุ้นเคย หรือแม่ของมันเอง เพราะบางทีแมวที่ร้องอยู่อาจเป็นแมวที่พึ่งนำมาเลี้ยงใหม่ ๆ ซึ่งน้องอาจจะยังไม่คุ้นชินกับสถานที่ ทำให้รู้สึกกลัวไม่ปลอดภัย และร้องหาเพื่อน ๆ , แม่ หรือทาสคนเก่าของมันนั่นเอง แต่ไม่ต้องกังวลเพราะน้องเหมียวจะร้องแค่ 3 – 4 วันแรกที่มาอยู่บ้านใหม่เท่านั้นแหละ เดี๋ยวพอชินมีลุ้นห้องพังแน่ เพราะเจ้าตัวเล็กเนี่ยซนมาก
  • ร้องเพราะอยู่ในช่วงติดสัด ซึ่งก็มีความเป็นไปได้มาก เพราะแมวอาจรู้สึกกระวนกระวายอยากหาคู่ตลอดเวลา จึงร้องออกมาเพื่อหาเพศตรงข้าม
  • แมวของคุณมีอาการหิว แน่นอนว่าการร้องของงมันอาจเป็นการส่งสัญญาณถึงคุณก็ได้ว่ามันรู้สึกหิวมาก “เจ้าทาสเอาอาหารมาให้ฉันได้แล้ว”
  • แมวของคุณอาจจะป่วยก็ได้ เช่นเดียวกับมนุษย์หากรู้สึกเจ็บป่วยก็มีบ้างที่จะต้องร้องโอดโอย แมวเองก็เช่นกัน และที่ร้องอีกอย่างก็เพราะอยากให้คุณสังเกตถึงพฟติกรรมที่เปลี่ยนไปของมัน เพื่อที่จะรู้ว่าป่วยและนำส่งไปรักษา

เสียงร้องของแมวก็มีหลายลักษณะแตกต่างกันไป

ทาสแมวต้องสังเกตด้วยว่าแมวร้องไม่หยุดในลักษณะแบบไหน อาจจะร้องเบา ๆ, คราง ๆ เสียง, ร้องแบบโดหยหวนชวนคิดถึง, ร้องแบบขู่ หรือร้องแบบเจ็บปวดทุรนทุรายหรือเปล่า เพราะงั้นต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับการร้องของน้องเหมียวเป็นอย่างมาก และหากคุณรู้สึกว่าแมวของคุณกำลังเหงาอยากมีเพื่อนเล่น GUSCAT ของเราก็มีน้องแมวน่ารัก ๆ มากมายให้เลือกรับไปอุปการะเป็นเพื่อนเล่นได้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Facebook page : GUS CAT FARM british shorthair and scotishfold

Categories
ลูกแมวในฟาร์ม

ดูแลลูกแมวแรกเกิด ฉบับเร่งด่วนคุณทำได้ง่ายนิดเดียว

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันปัญหาแมวจรในประเทศเรา ยังคงไม่สามารถแก้ไขได้ดีเท่าที่ควร หลายครั้งเราจึงต้องมักพบกับแมวจรได้ทั่วไป หนึ่งปัญหาที่หลายคนมักต้องเจออย่างเช่น มีแม่แมวท้องและตกลูกไว้ โดยที่ไม่ได้ดูแลลูกแมวแรกเกิด และทำให้ผู้ที่ไปเจอต้องรับบทคุณแม่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งลูกแมวแรกเกิดนั้น ไม่ต่างกับการเลี้ยงเด็กทารกดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็มีวิธีในการดูแลลูกแมวแรกเกิด ได้ แบบเร่งด่วนที่นำไปปฏิบัติได้จริงแน่นอน ดังนี้

ลูกแมวแรกเกิด แบบเร่งด่วน ทำได้ง่ายๆ

  1. ดูว่าลูกแมวแรกเกิด นั้นมีอายุประมาณไหน โดยปกติทั่วไปลูกแมวแรกเกิดหากมีอายุไม่ถึง 1 สัปดาห์สายรกอาจจะยังหลุดไม่หมด อาจต้องให้ความอบอุ่นมีไฟสำหรับให้ความอบอุ่น หากแม่แมวไม่ดูแล โดยคุณจำเป็นต้องรับบทคุณแม่จำเป็นเพราะลูกแมวแรกเกิดนั้นเป็นช่วงที่เปราะบางที่สุด โดย 90% จะเป็นเวลานอนและ 10% สำหรับการกินเท่านั้น
  2. เตรียมตัวตั้งรับให้พร้อม ลูกแมวแรกเกิด คือเด็กทารกดีๆ เพราะจะต้องตื่นมากินทุกๆ 2 ชั่วโมง ดังนั้นจำเป็นต้องตื่นมาให้นมกับเด็กๆ ทุก 2 ชั่วโมง โดยจะทานตามช่วงอายุตั้งแต่ 2 ซีซี ไปจนถึง 7-10 ซีซี คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งกายใจ อีกทั้งยังในเรื่องของเวลาที่ต้องมีมากพอในการดูแลลูกแมวแรกเกิดเหล่านี้
  3. เลือกนมที่เหมาะกับลูกแมว และป้อนนมอย่างถูกต้อง นมที่เหมาะกับลูกแมวแรกเกิดนั้นควรเป็นนมจากแม่แมว แต่ในกรณีที่ต้องรับบทคุณแม่จำเป็น หรือช่วยลูกแมวแรกเกิดถูกทิ้งนำมาดูแล การเลือกใช้นมควรเป็นสูตรเฉพาะสำหรับลูกแมวจะดีกว่า หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ อาจใช้นมแพะได้เช่นกัน แต่ห้ามให้ลูกแมวกินนมวัวเด็ดขาด เพราะในร่างกายของแมวไม่มีจุลินทรีย์สำหรับการย่อยแลคโตสในนมวัว จะทำให้ท้องเสีย หากเป็นหนักอาจเสียชีวิตได้เลย ส่วนการป้อนนมลูกแมวนั้น แนะนำให้ใช้เป็นขวดนมสำหรับลูกแมวดีกว่า เมื่อเริ่มโตขึ้นค่อยๆ ขยับเปลี่ยนเป็นไซริงค์ หลอดฉีดยาได้ และนมที่ให้ลูกแมวกินนั้น ควรอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วย
  4. ลูกแมวแรกเกิด ยังคงต้องการความอบอุ่นจากแม่แมว แต่ถ้าหากเป็นลูกแมวที่รับอุปถัมภ์ไว้ ไม่มีแม่แมวดูแล คุณต้องรับบทแม่แมว ควรเตรียมพื้นที่อบอุ่นให้กับลูกแมว มีไฟกก (คล้ายไฟในเล้าไก่) สำหรับให้ความอบอุ่น จนกว่าลูกแมวจะลืมตา และแข็งแรงพอที่จะเดินได้ จึงค่อยๆ ปรับให้ลูกแมวอยู่ได้ในสภาพอากาศปกติ

ลูกแมวแรกเกิด ต้องอดทน

ลูกแมวแรกเกิด ไม่นาน ถือเป็นช่วงที่เปราะบางมากที่สุด ร่างกายอ่อนแอมากที่สุด จำเป็นต้องอดทนเพื่อที่จะผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ เพราะถ้าหากลูกแมวเริ่มโตขึ้น ร่างกายจะเริ่มสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาทีละเล็ก หากมีปัญหาให้รีบติดต่อสัตวแพทย์ โดยทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาเป็นการดูแลลูกแมวแรกเกิดแบบฉบับเร่งด่วน ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ในสถานการณ์จริง เป็นคุณแม่จำเป็นชนิดที่คุณจะหลงรักเจ้าเหมียวจนถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

บ้านแมวความสะดวกสบายของสัตว์เลี้ยงยุค New Normal

สำหรับคนรักแมวนั้น การเลี้ยงแมวให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง กินอิ่มนอนหลับ มักจะก่อให้เกิดความสุขทั้งแมวและตัวเจ้าของเอง การเลี้ยงแมวระบบปิดจึงเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยง และอันตรายในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นกับแมวได้อย่างมาก บ้านแมวถือเป็นความฝันของคนรักแมวที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ให้กับเจ้าเหมียว ได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ความบันเทิงอย่างครบครัน โดยในปัจจุบันนั้น มีไอเดียการออกแบบสร้างบ้านแมวขึ้นมาหลากหลาย เพื่อให้กับคนรักแมวได้เลือกซื้อ เลือกหากันมาเพื่อปรนเปรอสัตว์เลี้ยงอย่างมาก หนึ่งในไฮไลท์ยอดนิยมอย่างบ้านแมวติดแอร์นั้น เป็นเหมือนสุดยอดความหรูหราน่าจับจองเป็นเจ้าของอย่างมากด้วย

บ้านแมวแบบต่างๆ ความสุขอีกระดับของเจ้าเหมียว

ส่วนใหญ่บ้านแมวมักจะมีการออกแบบหลากหลายสไตล์ เพื่อให้เจ้าของได้เลือกให้กับเจ้าเหมียว ได้ใช้งานตามความเหมาะสมและกำลังทรัพย์ของเจ้าของ ทั้งนี้ บ้านแมวในปัจจุบันนั้น สามารถเป็นได้ทั้งที่พักผ่อนหย่อนใจของเจ้าเหมียว และยังเป็นเหมือนของตกแต่งบ้านอีกประเภทหนึ่ง เพราะมักจะมีรูปทรงสวยงามแปลกตา ทำให้ทั้งใช้งาน เป็นประโยชน์และยังเป็นการโชว์สไตล์ความเป็นตัวเองของเจ้าของแมวได้ด้วย โดยวัสดุที่นำมาทำบ้านแมวที่ดีนั้น ควรเป็นวัสดุจากธรรมชาติ ไม่เน้นสารเคมี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับเจ้าเหมียว เจ้าของสามารถแยกพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนได้ อาจแยกไว้เฉพาะสำหรับในห้องแมวเป็นการส่วนตัว หรือจะตั้งบ้านแมวไว้ในบ้าน หรือในห้องนอนของตนก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้บ้านแมวมีทั้งแบบจำหน่ายสำเร็จรูป หรือแม้แต่จ้าของสามารถเลือกที่จะออกแบบ บ้านแมวได้เองเช่นกัน ยิ่งถ้าหากมีบริเวณพื้นที่อีกหน่อย สามารถทำบ้านแมวให้อยู่ในสไตล์เอาท์ดอร์ เพื่อให้เจ้าเหมียวได้ออกมาเจอกับแสงแดด สายลม สัมผัสพื้นดิน พื้นหญ้าตามธรรมชาติ แต่ยังคงอยู่ในการเลี้ยงแบบระบบปิด เพื่อความปลอดภัยของตัวแมวเอง หรือเจ้าของสามารถประยุกต์กรงแมวให้กลายเป็น บ้านแมว อาจเพิ่มเติมความสนุกให้ภายในบ้านแมว พร้อมกับการติดตั้งของใช้จำเป็นต่างๆ ทำให้แมวรู้สึกมีความสุขได้อีกด้วย จึงไม่แปลกที่ บ้านแมวจะเป็นที่นิยมของบรรดาคนรักแมวอยู่แล้วนั่นเอง

ราคาของ บ้านแมวที่มีในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม บ้านแมวหลายๆ แบบที่เราพบเห็นจำหน่ายในท้องตลาดนั้น ยังถือว่ามีราคาค่อนข้างสูง อีกทั้งเจ้าของแมวหากต้องการซื้อให้กับแมวใช้งาน อาจจะจำเป็นต้องมีพื้นที่อยู่บ้าง แม้บ้านแมวจะมีขนาดแตกต่างกัน มีทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ แต่ต้องมีพื้นที่อยู่พอสมควร จะได้ไม่ทำให้เจ้าเหมียวต้องรู้สึกอึดอัดจนเกินไป สำหรับคนรักแมวการได้ปรนเปรอความสุขให้เจ้าเหมียวก็ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งอยู่แล้วด้วย