Categories
สายพันธ์แมว

มาทำความรู้จักกับน้องแมวสายพันธุ์บริติช ช็อตแฮร์ แมวในตำนาน

มาทำความรู้จักกับน้องแมวสายพันธุ์บริติช ช็อตแฮร์ แมวในตำนาน


         น้องแมวสายพันธุ์ “ บริติช ชอร์ตแฮร์ ”เป็นสายพันธุ์ที่อยู่คู่กับมนุษย์มานานมาก  อีกทั้งยังเป็นที่นิยมของทาสแมวมาในทุกยุคทุกสมัยอีกด้วย  จัดว่าเป็นแมวที่มีความน่ารัก ความสุขุมนุ่มลึก ซึ่งโดยปกติแล้วดูเหมือนจะมีความถือตัวอยู่มาก โดยเฉพาะตัวเมียจะมีความถือตัวมากกว่าตัวผู้ แต่ถึงอย่างไรสายพันธุ์นี้ก็ยังดูอบอุ่น แม้จะไม่ชอบการมานั่งหนุนตักหรือไม่ชอบการให้อุ้มแต่ก็มักจะชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆมากกว่าถือว่าเป็นแมวที่รักความสงบและรักความอิสระสูงมากอีกสายพันธุ์หนึ่งค่ะ

น้องแมวผู้รักความสงบและอิสระ “ แมวสายพันธุ์บริติช ช็อตแฮร์

         เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับเจ้าของมือใหม่ผู้ที่เพิ่งเริ่มการเลี้ยงแมว แมวชนิดนี้สามารถปรับตัวได้ดีในการอยู่ห้องเช่า อพาร์ทเม้นท์ หรือห้องพักต่างๆ  เป็นมิตรกับเด็ก  เป็นมิตรกับคนแปลหน้า  ทนในที่อากาศหนาวได้ดีกว่าที่อากาศร้อน  จึงเหมาะกับการเลี้ยงร่วมกันกับคนในครอบครัว  ในส่วนเรื่องความสะอาดและการดูแลขนก็สามารถทำได้โดยง่าย ไม่ทำให้ห้องสกปรก

ประวัติคร่าวๆและความเป็นมาของแมวสายพันธุ์ บริติช ชอร์ตแฮร์

          น้องแมวสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป  ซึ่งมีหลักฐานปรากฏในนิทานและเรื่องเล่าของประเทศอังกฤษและยุโรปหลายเรื่อง  ได้กล่าวถึงเจ้าแมวสายพันธุ์นี้  เช่น Puss in Boots , Cheshire ใน Alice in Wonderland  ฯลฯ  เชื่อกันว่าสายพันธุ์นี้มาจากชาวโรมันโบราณที่บุกมายึดประเทศอังกฤษ  ได้นำแมวสายพันธุ์อียิปต์มาเลี้ยงด้วย  เมื่อนานวันเข้าได้มีการผสมกับแมวป่าสายพันธุ์ยุโรปทั่วไปก็เลยทำให้กลายเป็นสายพันธุ์บริติช ชอร์ตแฮร์ขึ้นมา  สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ทำให้น้องแมวลดจำนวนลงไปอย่างมาก  แต่ก็มีนักเพาะพันธุ์และผู้นิยมชมชอบในแมวสายพันธุ์นี้ได้พยายามที่จะช่วยให้น้องแมวสายพันธุ์นี้ได้กลับมาอีกครั้ง  โดยสมาคมพันธุ์แมวแห่งอเมริกาได้ออกมารับรองสายพันธุ์นี้ใน ปีค.ศ 1980

การดูแลสุขภาพของน้องแมวบริติช ชอร์ตแฮร์

ไม่ว่าสายพันธุ์ใดที่จริงก็ล้วนแต่มีปัญหาสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป  รวมถึงโรคต่างๆที่มักพบได้บ่อยๆ ในส่วนของน้องแมวสายพันธุ์บริติช ช็อตแฮร์ ก็เช่นเดียวกัน  โดยโรคที่พบได้บ่อยๆ คือโรคเหงือกอักเสบ , โรคหัวใจชนิด Hypertrophic cardiomyopathy  ฯลฯ ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงจำเป็นต้องรู้วิธีการดูแลเอาใจใส่ และน้องพาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ  เพื่อให้น้องมีอายุที่ยืนยาวและอยู่กับเราได้นานๆนะคะ

ส่วนตัวน้องมีนิสัยอบอุ่นรักสงบเข้ากับคนง่าย  แม้ว่าจะไม่ชอบมานั่งตักหรือให้อุ้มก็ตาม  แต่มักชอบมานั่งข้างๆเสมอ  สำหรับใครที่เป็นคนขี้เหงาอยากให้มีน้องเหมียวมาคอยเดินตาม หรือนั่งคุยด้วยอยู่ข้างๆก็อย่าลืมสายพันธุ์บริติช ชอร์ตแฮร์นี้นะคะ  อยู่ง่าย กินง่าย ตัวกลมๆ น่ากอด  รวมถึงมีนิสัยชอบสำรวจสถานที่อยู่อาศัยทุกซอกทุกมุม  คล้ายว่าจะเป็นผู้คอยปกปักรักษาบ้านดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านให้เรานั่นเองค่ะ

 

Categories
สุขภาพ

แมวอ้วนเกินไป ความน่ารักที่แฝงไปด้วยอันตรายที่หลายคนมองข้าม

แมวอ้วนเกินไป ความน่ารักที่แฝงไปด้วยอันตรายที่หลายคนมองข้าม

            สัตว์เลี้ยงยอดนิยมอย่างแมวที่มีกันแทบทุกบ้าน ถือเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ที่หลายคนต่างก็ชื่นชอบในความน่ารักนุ่มนิ่มของเจ้าเหมียว บวกกับนิสัยขี้อ้อนไม่เหมือนใคร ยิ่งทำให้หลายคนหลงรักได้ไม่ยาก ยิ่งแมวอ้วนท้วนสมบูรณ์ยิ่งดูน่ารัก เพราะดูจ้ำม่ำน่าขย้ำไปซะหมด แต่การที่แมวอ้วนเกินไป อาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก เป็นความน่ารักที่แฝงไปด้วยอันตราย เพราะสุขภาพของแมวก็ไม่ต่างจากมนุษย์เรา หากอ้วน หรือมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป จะเป็นการส่งผลในเรื่องสุขภาพแบบระยะยาว อันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากเจ้าเหมียวนั้นมีน้ำหนักหรือกลายเป็นแมวอ้วนเกินไป มีดังนี้

 ส่งผลในเรื่องของระบบการทำงานภายในร่างกาย

            แมวอ้วนที่มีน้ำหนักมากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบการทำงานภายในเช่นเดียวกันกับมนุษย์ โดยจะพบได้ในแมวที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป มักจะมีกิจกรรมระหว่างวัน หรือขยับตัวน้อยลง ดังนั้น เมื่อมีการใช้พลังงานลดลง ร่างกายของแมวจะเก็บสะสมพลังงานที่ได้จากสารอาหารมากขึ้นจนเกิดเป็นไขมันส่วนเกินได้ง่ายๆ จนอาจทำให้มีไขมันเกาะตามตับ หลอดเลือดที่เป็นอวัยวะภายใน ส่งผลให้เกิดโรคได้ ยกตัวอย่างเช่น

            โรคเบาหวาน – แมวอ้วนที่มีน้ำหนักมากเกินไป มักจะเสี่ยงต่อโรคเบาหวานอย่างมาก โดยโรคเบาหวานมักจะพบในแมวที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มากถึง 80-90% ทีเดียว หากเป็นแล้วการรักษาก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ดังนั้นควรจัดการควบคุมดูแลในเรื่องอาหารของแมวตั้งแต่ยังเด็ก และเลือกอาหารให้เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยจะดีกว่า

            โรคกระดูกและข้ออักเสบ – แมวที่มีน้ำหนักเยอะนั้น ไม่ต่างกับคนอ้วน เพราะจะยิ่งทำให้ข้อกระดูกบริเวณช่วงขาจำเป็นต้องรับน้ำหนักที่มากขึ้น อีกทั้งไขมันที่เป็นตัวอันตรายในร่างกายของแมวเองอาจทำให้กระดูกเสื่อมลง เพราะการได้รับแคลเซียมมีน้อยไปนั่นเอง

โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ และภูมิคุ้มกันบกพร่อง – ปัญหาใหญ่ของแมวอ้วนที่มีน้ำหนักตัวมาก มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้มากกว่าแมวน้ำหนักปกติทั่วไป ส่งผลในการขับถ่ายและปัญหาอาจเรื้อรังไปยังระบบตับ และไตได้อีกด้วย

สุขภาพจิต การใช้ชีวิตประจำวัน

            ความน่ารักที่แฝงไปด้วยอันตรายอีกอย่างคือการใช้ชีวิตประจำวันของแมว แม้จะเป็นเรื่องเล็กแต่ไม่ควรมองข้าม การที่แมวอ้วนเกินไป หรือมีน้ำหนักเยอะ มักจะทำให้การเลียทำความสะอาดตัวเองเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ทำให้บางครั้งแมวอาจรู้สึกหงุดหงิด รู้สึกไม่คล่องตัว ปราดเปรียวเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งยังสามารถนำไปสู่ปัญหาผิวหนังได้เช่นกัน และยังทำให้มวเกิดความเครียดได้อีกด้วย

            สุขภาพของแมวเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าการที่แมวอ้วนกลมน่ารักดุ๊กดิ๊กขนาดไหนก็ตาม แต่หากมีน้ำหนักมากเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ การใส่ใจในเรื่องอาหารการกิน และการออกกำลังกายเป็นสิ่งแรกที่ผู้เลี้ยงควรวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นได้ เพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของแมวในระยะยาวนั่นเอง

 

 

Categories
สุขภาพ

อันตรายแฝงในทรายแมว หากเลือกใช้ทรายที่ไม่มีคุณภาพ

ทรายแมวในท้องตลาดนั้น มีหลายแบบ หลายประเภทให้บรรดาคนรักแมวได้เลือกซื้อ เลือกหามาใช้ให้กับเจ้าเหมียว โดยหลายคนต่างก็ย่อมมองหาสินค้าที่ราคาถูกเพื่อเป็นการประหยัดงบ แต่ทั้งนี้ทรายแมวบางยี่ห้อ แม้จะมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าปลอดภัย ไร้สารเคมี ไม่มีฝุ่นตกค้าง แต่ทั้งนี้ควรเลือกทรายแมวที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ เพราะจะทำให้ปลอดภัยทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราได้ ซึ่งหากเผลอเลือกใช้ทรายแมวที่ไม่มีคุณภาพ แม้ว่าราคาจะถูก แต่อันตรายแฝงที่ปะปนมานั้น อาจน่ากลัวกว่าที่หลายคนจะคาดคิดได้ 

อันตรายแฝงในทรายแมวที่ต้องระวัง มีดังนี้

  1. ฝุ่นและสารเคมี

ทรายแมวราคาถูก หรือแบบที่เกรดต่ำ มักจะมีฝุ่นหรือสารเคมีปะปนมา ส่วนใหญ่ที่มีฝุ่นมากมักจะเป็นทรายแมวที่ทำมาจากแร่เบนโทไนท์ หรือฝุ่นจากผงซีเมนท์ที่ปะปนมา เพราะผู้ผลิตบางรายนั้น อาจใช้กลโกงในรูปแบบลดต้นทุนการผลิตลง และนำมาขายในราคาถูก อาจต่ำกว่าราคาท้องตลาดทั่วไป ล่อให้คนสนใจซื้อแต่ทรายแบบนี้มักจะไม่มีคุณภาพเท่าที่เป็น ผงฝุ่นหรือสารเคมีที่มีปะปนในทรายแมวนั้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งเจ้าของและแมวได้ในระยะยาว เพราะมีการสูดดม จนไปตกค้างในร่างกายได้ด้วย แม้จะไม่เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพในทันที แต่เป็นอันตรายแฝงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไปแน่นอน

  1. ทรายแมวทานไม่ได้

ในกรณีนี้มักจะเกิดขึ้นกับลูกแมวที่กำลังหัดให้ใช้กระบะทราย แมวเด็กมักจะเล่นซน และมักทานอะไรสะเปะสะปะไปหมด การให้ลูกแมวหัดใช้กระบะทราย จึงควรเลือกทรายชนิดที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแมว หากเผลอทานเข้าไปแบบไม่ตั้งใจ อย่างทรายซังข้าวโพด ทรายข้าวสาลี ที่สามารถทานได้แต่ทั้งนี้เจ้าของจำเป็นต้องหมั่นใส่ใจดูแลเจ้าเหมียวด้วยเช่นกัน เพราะทรายแมวแบบข้าวโพด หรือข้าวสาลีสามารถทานได้ก็จริง แต่หากทานมากเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะอาจทำให้ลูกแมวท้องเสีย ร้ายแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน

  1. รักษาความสะอาด สิ่งสำคัญที่สุด

บางครั้งทรายแมวนั้นอาจไม่ส่งผลเสียเท่ากับการไม่ดูแลรักษาความสะอาดของกระบะทรายที่ใช้ การปล่อยปะละเลยไม่เก็บฉี่ อึของเจ้าเหมียว อาจทำให้ในกระบะทรายกลายเป็นแหล่งหมักหมมเชื้อโรค ที่อาจทำให้เกิดโรคได้ทั้งในมนุษย์และแมวเอง ควรหมั่นทำความสะอาดกระบะทรายทั้งเช้าและเย็น และล้างกระบะทรายผึ่งแดดอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงในเรื่องของเชื้อโรคด้วย

เลือกทรายแมวที่มีคุณภาพ

การเลือกทรายแมวที่ดี มีคุณภาพนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องราคาแพงมากเสมอไป เจ้าของสามารถเลือกได้ตามสภาพความเหมาะสมในการใช้งาน และควรเลือกจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ทรายแมวที่มีคุณภาพ ไม่มีอันตรายแฝงมาให้หวั่นใจ และมีปลอดภัยทั้งแมวและเจ้าของดีที่สุด

 

 

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

5 หลักสำคัญ  วิธีดูแลลูกแมวอย่างไรให้สุขภาพดี สำหรับมือใหม่

5 หลักสำคัญ  วิธีดูแลลูกแมวอย่างไรให้สุขภาพดี สำหรับมือใหม่

          สำหรับทาสแมวที่อาจจะบังเอิญมีคนให้น้องแมวมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน หรือสำหรับคนที่ไปรับน้องแมวมาเลี้ยงที่บ้านแต่น้องยังเด็กอยู่  ซึ่งคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจจะยังไม่รู้วิธีดูแลลูกแมวที่ถูกต้อง  วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีทำอย่างไรให้น้องแมวสุขภาพดี  เป็นขั้นตอนเบื้องต้นแบบง่ายๆที่เราจะต้องรู้ก่อนเป็นอันดับแรก  ต้องทำยังไงบ้างนั้นตามมาดูกันเลยค่ะ

วิธีดูแลลูกแมวเพื่อให้แมวสุขภาพดี

          ในการรับน้องเหมียวมาเป็นสมาชิกในบ้าน  สิ่งที่เราจะต้องดูแลน้องมีหลักสำคัญและเป็นพื้นฐานที่ควรต้องรู้ ดังนี้

การให้นมน้องเหมียว

         วิธีดูแลลูกแมวแรกเกิด การให้นมสำหรับลูกสัตว์หรือนมแพะ เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับน้องแมวแรกเกิดมากที่สุด เนื่องจากเป็นนมที่มีปริมาณความเข้มข้นของไขมันพอดีกับความต้องการของน้องเหมียว  จะช่วยให้น้องรู้สึกสบายท้อง ไม่ทำให้น้องแน่นท้อง หรือเกิดอาการท้องอืด รวมถึงมีส่วนช่วยในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดีนั่นเอง

 โดยน้องเหมียวที่มีอายุระหว่างช่วง 1-3 สัปดาห์แรก ให้ป้อนนมน้อง ครั้งละ 2-7 ซีซี ในทุกทุก 2-3 ชั่วโมง  โดยมีหลักในการสังเกตว่าน้องเหมียวเริ่มอิ่มแล้วหรือยัง  ให้ดูที่การดูดนมถ้าน้องเริ่มดูดช้าลงแสดงว่าน้องเริ่มอิ่มแล้ว จึงหยุดการให้นมได้  และเมื่อมีอายุครบ 4 สัปดาห์ ให้เริ่มเปลี่ยนมาเป็นอาหารเปียกแทนค่ะ

การดูแลความสะอาดให้น้องเหมียว

         หากน้องยังเด็กอยู่แนะนำให้นำผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นแล้วค่อยๆเช็ดตัวให้น้อง อาทิตย์ละประมาณ 2-3 ครั้ง เมื่อน้องเหมียวมีอายุครบ 2 เดือน ( ขึ้นไป ) จึงจะสามารถอาบน้ำให้น้องได้ตามปกติค่ะ  นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการทำความสะอาดอื่นๆด้วยนะคะ ควรหัดให้น้องมีความเคยชินตั้งแต่เด็กจะได้ดูแลได้ง่ายขึ้นและน้องจะได้ไม่ตกใจกลัว  เป็นวิธีดูแลลูกแมวเพื่อให้แมวสุขภาพดีอย่างถูกต้องและถูกวิธีค่ะ  หลังจากการอาบน้ำคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรใช้ไดร์เป่าผมปรับระดับไปที่ลมอุ่นๆ และควรเปิดในระดับเบาๆในการเป่าขนน้องให้แห้ง จะช่วยให้น้องสบายตัวและลดการอับชื้นได้

 

ฝึกการขับถ่ายให้เป็นที่-เป็นเวลา

          ในช่วงที่ยังเป็นเด็ก  หลังการให้นมควรใช้สำลีชุบน้ำอุ่นหมาดๆเช็ดก้นให้น้อง  โดยค่อยๆลูบไปเรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้น้องอยากขับถ่าย  สักพักน้องก็จะเริ่มขับถ่ายออกมาเองค่ะ  และเมื่ออายุครบ 4 สัปดาห์  แนะนำให้มีกระบะทรายให้น้องได้ฝึกขับถ่ายเป็นที่ตั้งแต่เด็ก  เราควรทำความสะอาดกระบะทราย เปลี่ยนทราย และล้างกระบะทรายให้น้องอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง จะช่วยให้น้องสุขภาพดี แข็งแรง และปราศจากโรค

พาน้องไปรับวัคซีน

ก่อนจะเริ่มให้วัคซีนควรจะต้องพาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพเสียก่อน  และเริ่มให้วัคซีนเข็มแรกเมื่ออายุครบ 2 เดือน จากนั้นจึงฉีดตามโปรแกรมที่สัตวแพทย์แนะนำเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับน้องในระยะยาวค่ะ

 การเปลี่ยนอาหารให้น้องเหมียว

        วิธีดูแลลูกแมว ในช่วง 6-8 สัปดาห์แรก คือช่วงที่เริ่มหย่านม  ควรให้อาหารแมวแบบเม็ด-แบบเปียกสลับกันไป และควรลดการให้นม เปลี่ยนมาเป็นการให้อาหาร 3-4 มื้อ / วัน  และให้นำน้ำสะอาดจัดวางไว้เพื่อให้น้องเหมียวได้ดื่ม  กรณีที่น้องอาจจะยังเด็กและดื่มน้ำเองยังไม่เป็นให้ใช้เป็นไซริงค์ป้อนน้ำแทนค่ะ         

          เป็นยังไงกันบ้างคะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ สำหรับวิธีเตรียมตัวที่เราจะต้องรู้ก่อนเลี้ยงน้องแมวแรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลน้องเหมียว หรือสัตว์ชนิดใดก็ตามเราจะต้องดูแลอย่างพิถีพิถันใส่ใจเหมือนกับว่าเราเลี้ยงทารกตัวน้อยที่เขาไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณแม่แล้ว  เราก็ต้องทำตัวให้เหมือนคุณพ่อคุณแม่ของเขาด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการป้อนนม การดูแลรักษาความสะอาด การดูแลการขับถ่าย การเสริมภูมิต้านทานโดยการฉีดวัคซีน  สิ่งต่างๆเหล่านี้ก็เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆในอนาคต  เป็นวิธีดูแลลูกแมวให้ลูกแมวสุขภาพดีในระยะยาว  น้องจะได้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่  มีสุขภาพแข็งแรง  และอยู่กับเราไปนานๆยังไงละคะ

 

 

 

Categories
สุขภาพ

แมวร้องไห้ได้จริงหรือไม่ และมีสาเหตุเกิดจากอะไร

แมวร้องไห้ได้จริงหรือไม่ และมีสาเหตุเกิดจากอะไร

               สัตว์เลี้ยงที่เดาอารมณ์และความรู้สึกได้ยากชนิดหนึ่ง คงหนีไม่พ้นแมวที่ภายนอกดูแสนจะน่ารัก นุ่มนิ่ม แต่ในบางครั้งกลับทำความเข้าใจได้ยาก ถึงได้มักจะมีคำเปรียบเปรยอยู่เสมอว่า อารมณ์แมวไม่แตกต่างจากผู้หญิง เพราะมักจะทำความเข้าใจยากได้ไม่แพ้กัน สิ่งที่ยังเป็นที่สงสัยอยู่อย่างน้ำตา หลายคนมักจะเข้าใจว่าที่แมวมีน้ำตานั้นเกิดจากอาการระคายเคืองนัยน์ตา หรืออาจมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ซึ่งก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งได้เช่นกัน หลายคนมักจะสงสัยว่าจริงๆ แล้วแมวร้องไห้ได้หรือเปล่า และที่เจ้าเหมียวมีน้ำตามาจากสาเหตุอะไร ซึ่งเราจะมาอธิบายคร่าวๆ ดังนี้

  1. แมวก็เศร้าเป็น

อย่าคิดว่าแมวจะร้องไห้ไม่เป็น แม้ว่าโดยธรรมชาติแมวเป็นสัตว์ที่เก็บอาการดีอย่างมาก แต่สำหรับแมวบางตัวที่ติดเจ้าของมากๆ อยู่กินนอนตัวติดกันอยู่เป็นประจำ เมื่อในบางเวลาที่จำเป็นต้องห่างจากเจ้าของ หรือเจ้าของต้องออกไปธุระข้างนอกบ้านเป็นเวลานาน อาจจะข้ามวัน อาจเป็นสาเหตุให้แมวรู้สึกเศร้าและมีน้ำตา เหมือนแมวร้องไห้ได้เช่นกัน เพราะแมวก็มีความรู้สึกและอารมณ์ไม่แตกต่างกับมนุษย์เช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากบางครั้งจะพบว่าแมวร้องไห้มีน้ำตานั่นเอง

  1. ปัญหาด้านสุขภาพ

เป็นสิ่งแรกที่เจ้าของต้องคำนึงถึงเมื่อพบว่าแมวร้องไห้ มีน้ำตานั้น มาจากปัญหาสุขภาพของสายตาหรือไม่ เพราะมีสาเหตุที่หลากหลาย เช่น อาจมีสิ่งแปลกปลอมเข้าลูกตา เช่นเศษแก้ว เศษผงฝุ่นต่างๆ หรือแม้แต่ท่อน้ำตาอุดตัน มีการอักเสบของเปลือกตา หรือเยื่อลูกตา ทั้งนี้ในกรณีเป็นแมวที่มีอายุมากมักจะเป็นอยู่บ่อยๆ แต่หากเลี้ยงหลายตัวก็อาจเกิดกรณีแมวทะเลาะกัน จนเผลอโดนข่วนหรือโดนตบแถวบริเวณลูกตาได้เช่นกัน หากมีคราบน้ำตาที่หัวตา หรือมีน้ำตาไหลปริมาณมาก มีคราบน้ำตาเป็นสีน้ำตาลแดง ควรรีบพาแมวไปพบสัตวแพทย์ทันที เพื่อทำการวินิจฉัยอาการต่อไป

  1. เรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ

แปลกแต่จริง เจ้าเหมียวมักจะมีวิธีเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของได้หลากหลายวิธีจนเราคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการเดินมามองหน้า เหยียบเท้า เดินตามไปทุกที่ ส่งเสียงร้องโวยวาย หรือแม้แต่การร้องไห้บีบน้ำตา ก็สามารถทำได้ มีรายงานข่าวจากต่างประเทศยืนยันแล้วว่า แมวสามารถร้องไห้เพราะต้องการให้เจ้าของสนใจ ซึ่งปกติส่วนใหญ่มักจะส่งเสียงร้อง แต่การร้องไห้ก็ถือเป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่แมวสามารถเรียนรู้ได้จากการกระทำของมนุษย์ ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจหากพบว่าแมวร้องไห้ เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจจากเราได้นั่นเอง

แมวเป็นสัตว์ที่อ่อนไหว และรู้สึกตื่นตัวแทบจะตลอดเวลา แม้แต่ในยามหลับก็ตาม การที่แมวร้องไห้นั้น ให้เจ้าของลองสังเกตให้ดีก่อนจากหลายๆ สาเหตุ อย่าวิตกกังวลมากเกินไป แต่ถ้าเข้าข่ายจะมีปัญหาด้านสุขภาพก็ควรรีบพาไปหาสัตวแพทย์ทันทีนั่นเอง

เล่นบาคาร่าออนไลน์เว็บตรง ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ https://sa-game.bet/ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ/ ระบบออโต้ การเงินมั่นคง