Categories
สุขภาพ

สังเกตอาการแมวท้องและอาหารบำรุงที่เจ้าของควรหาให้เจ้าเหมียวทานได้

สำหรับคนรักแมวนั้น การได้เลี้ยงแมวให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ที่เจ้าของนั้นได้รับจากเจ้าเหมียว และถ้ายิ่งแมวที่เลี้ยงเกิดตั้งท้องด้วยแล้ว ย่อมนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะครอบครัวจะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่เพิ่ม และลูกแมวนั้นก็น่ารักไม่ใช่น้อย ทั้งนี้ อาการแมวท้องนั้น เจ้าของสามารถสังเกตเองได้แบบง่ายๆ ดังนี้

  1. หัวนมขยายใหญ่ขึ้น – สำหรับแมวตัวเมียที่มีหัวนมขยายใหญ่เป็นจุดสีชมพูแดงอ่อนๆ หรือแม้แต่มีน้ำคล้ายน้ำนมไหลออกมา มักจะเป็นสัญญาณเตือนของอาการแมวท้องแล้ว แต่ทั้งนี้อาการนี้ก็ไม่สามารถฟันธงได้ 100% ว่าแมวท้องหรือไม่ เพราะในบางกรณีอาจเกิดขึ้นเพราะแมวใกล้เข้าสู่ช่วงภาวะติดสัตว์ก็ได้เช่นกัน
  2. กินเก่ง – การทานอาหารมากกว่าปกติของเจ้าเหมียวนั้น เป็นอีกอาการแมวท้องที่เจ้าของสันนิษฐานได้เช่นกัน เพราะร่างกายของแมวท้องนั้นจำเป็นต้องการสารอาหารมากกว่าปกติ ทั้งนี้เจ้าของสามารถหาอาหารบำรุงแมวได้เช่น อาหารสำหรับแม่แมว อาจมีอาหารเสริมอย่างพวกซุปไก่ หรือนมแพะเพื่อเสริมแคลเซียมได้บ้าง ทั้งนี้ควรทานในปริมาณเล็กน้อย หรือแต่พอดี เพราะหากทานมากเกินไปอาจทำให้ครรภ์เป็นพิษ อันตรายทั้งต่อตัวแม่แมวและลูกแมวอีกด้วย
  3. นอนเยอะ – แม้ว่าโดยปกติแล้วแมวจะนอนถึงวันละ 16-18 ชั่วโมงต่อวัน แต่สำหรับการสังเกตอาการแมวท้องนั้น จะพบว่าแมวนอนมากกว่าปกติจากเดิมอีก 1-2 เท่าด้วยซ้ำไป
  4. ท้องโต – เป็นอาการแมวท้องที่เป็นสัญญาณค่อนข้างแน่ชัดที่สุด ยิ่งหากมีอาการข้างต้นควบคู่กันด้วยแล้ว ทั้งนี้หากไม่แน่ใจควรพาแมวไปหาสัตวแพทย์จะดีที่สุด เพราะบางครั้งแมวอาจไม่ได้ท้อง แต่มีแก๊สในท้องมากเกินไป หรือท้องอืดก็ได้เช่นกัน

การตั้งท้องของแม่แมวนั้น มักจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา ซึ่งในระยะแรกและระยะที่สองเป็นช่วงสะสมไขมันไว้สำหรับลูกแมว และระยะที่สามก่อนตกลูกจะเป็นการบำรุงเพื่อการเจริญเติบโตของลูกแมวโดยเฉพาะ ดังนั้นอาหารบำรุงแมวท้องในแต่ละช่วงนี้ เจ้าของสามารถเลือกสรรแบบที่เหมาะกับแม่แมวได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูแลไม่ให้ทานเยอะเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อน้ำหนักตัวของแมวได้ในระยะยาว

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากอาหารบำรุงแมวท้องแล้ว เจ้าของต้องหมั่นสำรวจอาการของแม่แมวตั้งท้องเป็นระยะ หากยิ่งใกล้ตกลูก พฤติกรรมอาจเปลี่ยน เช่น อาจทานมากขึ้น หรือในบางตัวอาจจะทานน้อยลง การเคลื่อนไหวช้าลง และเริ่มมองหารังหรือที่สำหรับตกลูก ซึ่งเจ้าของสามารถช่วยเหลือเตรียมหาให้ได้ ควรเลือกมุมสงบ ส่วนตัว และอบอุ่น มีอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อเป็นการรอต้อนรับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลกด้วยนั่นเอง

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

เคล็ดลับการอาบน้ำแมวให้ถูกต้อง ปลอดภัยทั้งเจ้าของและน้องแมว 100%

แมวไม่ใช่สัตว์ที่จะถูกกับน้ำมากนัก ยิ่งโดยเฉพาะการอาบน้ำเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า เป็นเรื่องใหญ่ของหลายบ้านที่เลี้ยงแมวเลยก็ว่าได้ แม้ว่าธรรมชาติของแมวนั้นเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดอยู่เป็นทุนอยู่แล้วก็ตาม ซึ่งมักจะเลียขนทำความสะอาดตัวเองอย่างสม่ำเสมอ แต่ทั้งนี้การอาบน้ำแมวก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะแมวบางตัวนั้นก็ไม่สามารถทำความสะดวกได้ทั่วถึงเสมอไป ดังนั้น การอาบน้ำแมวให้ถูกต้องมีเคล็ดลับสำหรับคนเลี้ยงแมวควรทราบ และนำไปปฏิบัติตามได้ผลแน่นอน

อาบน้ำแมวให้ถูกต้อง ปลอดภัย สบายใจหายห่วง

  1. ก่อนจะอาบน้ำแมวนั้น ต้องเลือกแชมพูให้เหมาะสมกับสายพันธุ์และลักษณะของเจ้าเหมียวก่อน เพราะแชมพูสำหรับเจ้าเหมียวนั้น มีทั้งแบบสำหรับรักษาโรคผิวหนัง สูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย ลดอาการคัน หรือสูตรสำหรับการบำรุงขนให้สวยเงางาม ดังนั้น ควรเลือกแชมพูที่เหมาะกับแมวจะดีที่สุด
  2. เลือกอาบน้ำแมวในช่วงเวลากลางวัน ค่อนไปทางบ่ายที่มีแดดและอากาศอุ่นจะดีกว่า เพราะธรรมชาติของแมวนั้นไม่ใช่สัตว์ที่ชอบอากาศหนาวเย็นอยู่แล้ว อีกทั้งการอาบน้ำแมวในช่วงเวลาที่ดังกล่าวจะทำให้แมวไม่เสี่ยงที่จะเป็นหวัด หรือปอดบวมด้วย
  3. ใช้น้ำอุ่น หรือจะเป็นน้ำร้อนผสมกับน้ำธรรมดาก็ได้ เพราะจะช่วยให้แมวไม่หนาวเย็นจนเกินไปเมื่ออาบน้ำเสร็จ
  4. สำหรับแมวขนหนา และแมวขนยาว อย่างเช่นสายพันธุ์เปอร์เซีย เมนคูณ หรือแมวขนสั้นแต่ขนหนาอย่างอเมริกันช็อตแฮร์ สก๊อตติชโฟลด์ การอาบน้ำอาจต้องใช้เวลาพอสมควร ที่สำคัญคือ ในขณะที่อาบน้ำต้องสำรวจตามเนื้อตัวของแมวว่ามีร่องรอยสกปรกตรงไหนบ้าง เพราะแม้ว่าแมวจะรักสะอาดเพียงใด แต่ในบางจุดเจ้าของก็ต้องช่วยทำความสะอาดให้กับเจ้าเหมียวด้วยเช่นกัน
  5. เมื่ออาบน้ำแมวเสร็จแล้ว เป็นอีกขั้นตอนสำคัญคือ ต้องเป่าขนให้แห้งสนิทโดยใช้ไดร์เป่า แต่ในปัจจุบันมีวิวัฒนาการใหม่อย่างตู้เป่าขนแมวให้แห้งแบบไม่มีเสียง หรือมีแต่เสียงค่อนข้างเงียบ สามารถใช้ได้กับแมวที่กลัวเสียงดัง แต่ทั้งนี้อาจมีราคาสูง หรือมักจะมีตามร้านที่รับอาบน้ำตัดขนเสียมากกว่า ขนแมวส่วนใหญ่มักจะค่อนข้างแห้งช้า เจ้าของจำเป็นต้องพยายามเป่าให้แห้ง หรือถ้าแมวไม่ชอบจริงๆ เป่าให้พอหมาดๆ และให้แมวได้อยู่ในอากาศอบอุ่น เพราะแมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดอยู่แล้ว ถึงอาบน้ำเสร็จก็ต้องเลียขนตัวเองซ้ำอีกรอบเพื่อจะได้กลบกลิ่นต่างๆ ด้วย
  6. สำหรับแมวที่อาบน้ำยาก การใช้อุปกรณ์ช่วยอาบน้ำอย่างกรงอาบน้ำแมว หรือถุงตาข่ายที่มีไว้สำหัรบเพื่ออาบน้ำแมวโดยเฉพาะ เป็นอีกตัวช่วยที่จะทำให้เจ้าของปลอดภัยจากรอยกัด รอยข่วนของเจ้าเหมียวได้ อีกทั้งประหยัดเวลาในการอาบน้ำแมวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

อาบน้ำแมวไม่ยากอย่างที่คิด

แม้ว่าธรรมชาติแมวจะรักความสะอาดแค่ไหน แต่การอาบน้ำให้กับเจ้าเหมียวก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอยู่ตลอด เพื่อป้องกันจากปรสิตอย่างพวกเห็บ หมัด ลิ้นไร ได้อีกด้วย เพราะเหล่านี้มักจะเป็นปัญหาจุกจิกกวนใจของแมวก็จริง แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงได้เช่นกันด้วย

Categories
ลูกแมวในฟาร์ม

จับตาดูพัฒนาการลูกแมวกี่วันลืมตา ความน่ารักที่คุณจะได้เห็นก่อนใคร

การได้เลี้ยงสัตว์เป็นเหมือนความสุขอีกอย่างของคนรักสัตว์ อย่างเช่นเจ้าเหมียวน่ารัก ยิ่งถ้าหากแมวที่เราเลี้ยงไว้เกิดตั้งท้อง มีลูกแมวยิ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี หลายคนจึงมักจะตั้งหน้าตั้งรอดูสมาชิกใหม่ที่จะเกิดมา เพราะลูกแมวในช่วงตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 6 เดือน เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่น่ารักที่สุดของชีวิต จนเจ้าของจะหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้น การสังเกตพัฒนาการต่างๆ ของลูกแมวเพื่อจะได้เป็นการบันทึกถึงสุขภาพของแมวเป็นอีกสิ่งที่เจ้าของควรใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่แรกเกิด และลูกแมวกี่วันลืมตา เริ่มเดิน หย่านม และพฤติกรรมของเจ้าเหมียวน้อย เพื่อจะได้เป็นการทำประวัติของแมวด้วย สำหรับมือใหม่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าลูกแมวแรกเกิดจะใช้เวลากี่วันลืมตา จะได้เป็นความรู้หากต้องเลี้ยงลูกแมวตั้งแต่เกิด ดังนี้

วิธีดูพัฒนาการของลูกแมวแรกเกิด ลูกแมวกี่วันลืมตา

  1. ตามธรรมชาติของแมวนั้น เมื่อตกลูกจะมีอาการดุร้าย หรือหวงลูกอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ถ้าหากเป็นแมวที่เราเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหวงลูกกับเจ้าของมากเท่าไหร่นัก แต่ในกรณีที่คุณอาจต้องรับบทคุณแม่จำเป็นคอยดูแลลูกแมว หรืออาจเป็นผู้ช่วยสำหรับคุณแม่แมวมือใหม่ ท้องแรกแล้วล่ะก็ จำเป็นต้องใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด อดหลับอดนอนเพื่อดูแลเจ้าเหมียวตัวน้อยด้วย ซึ่งในช่วงแรกนั้นลูกแมวยังไม่ลืมตา มักจะมีสายสะดือหรือรกแมวติดอยู่ โดยรกนี้จะหลุดออกไปเมื่อมีอายุตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป
  2. อีกสิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ลูกแมวกี่วันลืมตานั้น สามารถนับจากวันแรกที่ลูกแมวเกิดถัดไปราวๆ 10-14 วัน ทั้งนี้ในลูกแมวบางตัวอาจลืมตาได้ตั้งแต่ 7-10 วันแรกหลังจากตกลูก แต่ยังไม่เห็นชัดนัก และลูกแมวทุกตัวเมื่อลืมตาแล้ว ดวงตาจะเป็นสีฟ้า แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นดวงตาถึงจะค่อยๆ เปลี่ยนสีไปอย่างถาวร ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และยีนส์ที่ผสมพันธุ์กันอีกด้วย
  3. หากลูกแมวที่ยังลืมตาไม่สุด มักจะมีอายุราวๆ 2-3 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ในกรณีที่ลูกแมวไม่ยอมลืมตาเมื่อผ่านไปนานกว่า 2 สัปดาห์ ให้ลองเอาสำลีแบบนุ่มๆ ชุบกับน้ำอุ่นพอหมาด คอยเช็ดเบาๆ บริเวณรอบดวงตาเพื่อเป็นการกระตุ้น อาจเพราะแม่แมวไม่ได้เลียคอยทำความสะอาดให้ จนมีขี้ตาติดทำให้ลูกแมวไม่สามารถลืมตาได้ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นควรรีบพาลูกแมวไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

ลูกแมวกี่วันลืมตา ไม่ใช่ตัวชี้วัดพัฒนาการของแมว

หลายคนอาจเป็นกังวลหากลูกแมวแรกเกิดลืมตาช้า กลัวว่าลูกแมวจะตาบอด ทั้งนี้บางกรณีลูกแมวนั้นยังไม่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ หรือยังปรับสภาพแวดล้อมได้ไม่ดี การดูแลลูกแมวในเรื่องความสะอาด อุณหภูมที่อยู่ย่อมมีผลในการเจริญเติบโตของแมวทั้งนั้น ยิ่งถ้าหากคุณเป็นมือใหม่หัดเลี้ยงแมวด้วยอาจยิ่งคิดมาก แต่ทั้งนี้หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ แทรกซ้อนควรปรึกษาสัตวแพทย์โดยเร็ว เพื่อแก้ไขได้ทันท่วงทีอีกด้วย

Categories
สุขภาพ

แมวกับโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นควรป้องกันไว้ดีกว่าแก้

การดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่เจ้าของควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะแมวยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะแมวไม่เหมือนกับสุนัขตรงที่หากมีอาการเจ็บป่วย มักจะเก็บอาการอย่างมิดชิด หรือไม่แสดงอาการออกมาแม้แต่น้อย การฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับแมวตามระยะของอายุที่กำหนดไว้เป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อสุขภาพของตัวเจ้าเหมียวเอง แต่ทั้งนี้ก็ยังมีโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับแมวได้ ซึ่งผู้เลี้ยงควรรู้ไว้ จะได้ป้องกันระวังไม่ให้เจ้าเหมียวต้องเจ็บป่วยได้ ดังนี้

โรคหวัดแมว (Cat flu)

เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจโดยตรง มักจะพบได้บ่อยในช่วงผลัดเปลี่ยนฤดูกาล หรืออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย และยังสามารถพบได้ทั้งในแมวที่เลี้ยงระบบเปิด และระบบปิดด้วย เป็นโรคที่สามารถติดต่อกันได้ทางอากาศ หากเป็นในลูกแมวหรือแมวที่มีร่างกายไม่แข็งแรงมีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะมีอาการเบื่ออาหาร มีไข้ จามมีน้ำมูก หายใจติดขัด จุดสังเกตอีกอย่างคือ มักจะมีซึมไม่อยากทานข้าว มีแผลเป็นหลุมที่ลิ้น การป้องกันที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีน และแม้ว่าจะรักษาจนหาย แต่ก็ยังสามารถเป็นพาหะนำโรคได้เช่นกัน

โรคหัดแมว (Cat distemper)

โรคหัดแมว เรียกอีกอย่างว่า พาร์โวไวรัส เป็นโรคระบาคในแมวที่พบได้มากที่สุดในประเทศ และยังสามารถเป็นได้ทั้งแมวทุกวัย แม้แต่แมวที่ฉีดวัคซีนป้องกันแล้วก็ตาม เพียงแต่จะมีอาการไม่หนักเท่ากับแมวที่ไม่มีวัคซีนป้องกัน สามรถรักษาให้หายได้ หากเป็นในแมวที่อายุน้อยจะป่วยไม่นานและเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว อาการของโรคหัดแมว สามารติดต่อได้จากแมวที่ป่วยผ่านสารคัดหลั่งเข้าสู่แมวที่ไม่ป่วย จนทำให้ติดเชื้อ หรืออีกทางหนึ่งคือติดเชื้อผ่านคนโดยนำเชื้อจากแมวป่วยมาติดแมวดีก็ได้ ทั้งนี้อาการซึม เบื่ออาหาร มีไข้ อาเจียน ในบางตัวจะมักมีอาการท้องเสียควบคู่กันไปด้วย ถ่ายเหลว ทำให้ร่างกายเสียน้ำเป็นจำนวนมาก จนทำให้ช็อคได้ด้วย ดังนั้นหากแมวมีอาการของโรคควรรีบพาไปสัตวแพทย์มห้เร็วที่สุด เพื่อจะได้รีบรักษาตามอาการก่อนที่จะสายเกินไปด้วย

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคิเมีย ( FeLV)

เป็นโรคเฉพาะที่มักจะเกิดขึ้นกับแมวบางกลุ่ม ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุหลักอย่างภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือติดเชื้อไวรัสผ่านจากแมวป่วยไปยังแมวสุขภาพดีได้ มีภาวะเลือดจาง ส่วนใหญ่มักจะพบในแมวที่เลี้ยงระบบเปิด คือ ปล่อยออกเที่ยวนอกบ้าน หรือแมวจร โดยมีอาการไข้ ซึม เบื่ออาหาร บางตัวอาจมีเลือดปะปนอยู่ในอุจจาระ กินน้ำเยอะและปัสสาวะเยอะ ดังนั้นควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการรักษาตามอาการอย่างรวดเร็วจะดีที่สุด

อย่างไรก็ตามโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับแมวนั้นยังมีอีกหลายโรค ทั้งนี้ 3 โรคร้ายเหล่านี้ มักจะพบได้บ่อยมากที่สุดในกลุ่มคนเลี้ยงแมว หรือแม้แต่ในแมวจรทั่วไป ดังนั้น การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่ห้ามละเลยโดยเด็ดขาด หมั่นดูแลทั้งเรื่องของความสะอาด อาหารและน้ำอีกด้วย เพื่อแมวที่เรารักจะได้มีสุขภาพดี และอายุยืน แค่นี้ไม่ยากเกินไปแน่นอน

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

เลี้ยงแมวระบบปิด มีดีมากกว่าที่คิด ทั้งแมวเราและสัตว์อื่นจะปลอยภัย

สำหรับคนรักแมวนั้น การเลี้ยงแมวซักตัว เปรียบเสมือนการเลี้ยงลูกที่ทั้งรัก ดูแล ใส่ใจ อาจถึงขั้นลิ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ซึ่งถ้าหากเลี้ยงแมวให้ดี เลี้ยงแมวให้เป็น ควรจะเลี้ยงแมวแบบระบบปิดนั้นดีที่สุด หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจนักกับคำว่า “เลี้ยงแมวระบบปิด” หมายถึงอะไร และเพราะอะไรการเลี้ยงในระบบปิดถึงมีข้อดีมากมายหลายประการ แม้อาจจะไม่ถูกใจเจ้าเหมียวไปหมดทุกข้อ แต่โดยธรรมชาติของสัตว์มักจะใช้เวลาในการปรับตัวได้ไม่นาน รับรองว่าจะมีความสุขทั้งเจ้าของและเจ้าเหมียวแน่นอน

เลี้ยงแมวระบบปิด คืออะไร มีดีอย่างไร

การเลี้ยงแมวระบบปิด คือ การจำกัดพื้นที่ของเจ้าเหมียวให้อยู่ภายในอาณาเขตที่เจ้าของจัดไว้ให้ อาจจะในบริเวณบ้าน คอนโด หรือห้องพักที่ควรมีพื้นที่อย่างเพียงพอ ไม่ปล่อยให้ออกไปบริเวณนอกบ้านอย่างอิสระ เพราะลดความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าเหมียวได้ ซึ่งในปัจจุบันการเลี้ยงแมวระบบปิดเป็นที่นิยมมากขึ้น เพื่อลดปัญหาแมวจร รวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่มักจะสะเทือนใจคนรักแมวอีกด้วย

ข้อดีของการเลี้ยงแมวระบบปิด

  1. ป้องกันการสูญหาย – เรามักจะพบเห็นตามข่าวที่มีแมวหนีหลุดออกจากบ้าน หรือพลัดหลงกับเจ้าของ ซึ่งมักจะเป็นการเลี้ยงแมวในระบบเปิด คือ ปล่อยแมวเป็นอิสระภายนอกอาจทำให้เจ้าเหมียวเที่ยวเพลินจนไม่กลับบ้าน ทำให้เจ้าของต้องตามหา การเลี้ยงแมวระบบปิดเป็นข้อดีที่ช่วยให้เจ้าของอุ่นใจได้ว่าเจ้าเหมียวจะไม่หนีหายไปไหนระหว่างที่เราไม่ได้อยู่ด้วยนั่นเอง
  2. ป้องกันโรคติดต่อต่างๆ – หากปล่อยให้แมวเที่ยวเล่นอิสระนอกบ้าน นั่นหมายถึงเจ้าของต้องยอมรับความเสี่ยงที่ต้องเจอ เพราะแมวอาจจะไปติดโรคจากสัตว์ตัวอื่น เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด โรคลำไส้อักเสบ หรือเอดส์แมว เป็นต้น
  3. ลดความเสี่ยงจากการต่อสู้กันจนได้รับบาดเจ็บ – แมวที่เลี้ยงระบบเปิด หรือปล่อยอิสระนอกบ้าน ต้องไปเจอกับแมวตัวอื่น ที่อาจเกิดการต่อสู้กัน หรือแม้แต่โดนสุนัขวิ่งไล่กัด จนทำให้ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย หากร้ายแรงอาจทำให้แมวล้มป่วยถึงขั้นเสียชีวิตได้
  4. ลดปัญหาเรื่องความสะอาด – แมวที่เลี้ยงระบบปิดมักจะควบคุมดูแลความสะอาดได้ทั่วถึงกว่า ทั้งเรื่องการขับถ่ายที่เจ้าของสามารถจัดเตรียมให้เป็นที่เป็นทาง รวมไปถึงปัญหาเห็ด หมัดที่อาจส่งผลถึงสุขภาพของเจ้าเหมียวอีกด้วย
  5. ป้องกันการท้องโดยไม่ตั้งใจ – ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับแมวเพศเมีย ที่บางครั้งมีอาการติดสัตว์แต่เจ้าของไม่ทราบ อนึ่งหากเลี้ยงแบบปล่อยอิสระ แมวอาจจะไปฟีเจอร์ริ่งกันจนทำให้ท้อง เจ้าของจำเป็นต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกแมวเพิ่ม หรือไม่แมวที่ท้องก็เสี่ยงต่อโรคที่อาจติดจากแมวตัวอื่นด้วย

เลี้ยงแมวระบบปิด ดีกว่าแน่นอน

ท้ายที่สุดแล้ว การเลี้ยงแมวระบบปิดย่อมจะสร้างความสุขให้กับทั้งเจ้าของ และสัตว์เลี้ยงได้ไม่ยาก โดยเจ้าของควรใส่ใจดูแลแมว เตรียมของคลายเครียด แก้เหงา หรือแม้แต่หมั่นให้เวลากับเจ้าเหมียวบ้างไม่มากก็น้อย เพราะเจ้าของนั้นคือโลกทั้งใบของแมว แม้จะต้องจำกัดพื้นที่ในการเลี้ยงแมว แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน

Categories
สุขภาพ

เทคนิคเลี้ยงแมวให้มีสุขภาพดี แข็งแรงสมบูรณ์ได้ไม่ยุ่งยาก

การเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะประเภทไหน เจ้าของต่างก็อยากให้สัตว์เลี้ยงแสนรักมีสุขภาพร่างกาย แข็งแรง อ้วนท้วนสมบูรณ์ทั้งนั้น การเลี้ยงแมวให้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยเปรียบเสมือนความสุขอีกอย่างของเจ้าของ เป็นเหมือนการเลี้ยงแมวเป็น และอย่างถูกต้อง แม้ว่าอาจจะต้องจำกัดพื้นที่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะโดยธรรมชาติของสัตว์นั้น สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอด ทั้งนี้เจ้าของเองก็จำเป็นต้องหมั่นดูแล ใส่ใจ ให้ทั้งความรักความอบอุ่นกับเจ้าเหมียวด้วย โดยการเลี้ยงแมวให้มีสุขภาพดี มีอายุยืนยาว อยู่กับเจ้าของไปได้นานๆ ตลอดทั้งอายุขัย มีเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงแน่นอน

เทคนิคเลี้ยงแมวให้แข็งแรง สุขภาพดี

  1. เลี้ยงแมวระบบปิด – ข้อแรก ข้อสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงแมวเป็น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการเลี้ยงแมวเป็น กับเลี้ยงแมวได้นั้นแตกต่างกัน การเลี้ยงแมวเป็นคือการดูแลใส่ใจสุขภาพของเจ้าเหมียว ทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เลี้ยงแมวได้ อาจจะแค่เพียงให้อาหารแต่ปล่อยปะละเลยไม่ใส่ใจดูแลเท่าที่ควร ส่วนใหญ่มักจะเป็นการเลี้ยงแมวในระบบเปิด ซึ่งแม้ว่าแมวจะมีอิสระก็จริง แต่ก็เสี่ยงกับอันตรายมากมายด้วย การเลี้ยงแมวระบบปิด คือการจำกัดพื้นที่ของแมว เช่นให้อยู่ภายในบ้าน หรือบริเวณที่เจ้าของจัดสรรไว้ให้ เพื่อจะได้ป้องกันปัญหาอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ด้วย
  2. ดูแลเรื่องอาหารการกินสำหรับการเลี้ยงแมว – อาหารการกินของเจ้าเหมียวเป็นเหมือนตัวบ่งชี้คุณภาพชีวิตของบแมวได้เช่นกัน หากอยากให้แมวมีสุขภาพดี อาหารของแมวที่ดีควรมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับแมวในแต่ละช่วงวัย ไม่มีสีผสมอาหาร มีกากใยและโปรตีนที่พอเพียงสำหรับแมว และให้ในปริมาณที่เหมาะสม อีกทั้งน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะแมวเป็นสัตว์ที่มักจะกระหายน้ำบ่อย ควรเป็นน้ำสะอาด หรือมีน้ำพุแมวที่มีน้ำหมุนเวียนจะช่วยให้แมวกินน้ำได้ดีขึ้นด้วย
  3. มีที่นั่งสูงให้สำหรับการชมวิว – ธรรมชาติของแมวนั้นชอบปีนป่ายขึ้นที่สูง เพื่อจะได้มองเห็นบริเวณโดยรอบและมีความรู้สึกปลอดภัย เจ้าของอาจหาเฟอร์นิเจอร์ที่มีความแข็งแรงสำหรับให้แมวไว้ปีนป่าย หรือเป็นคอนโดแมวก็ได้ เพื่อไว้สำหรับเจ้าเหมียวจะได้นั่งชมนกชมไม้เป็นการคลายเครียดได้อีกทางหนึ่ง
  4. พื้นที่ขับถ่าย – แมวเป็นสัตว์รักสะอาด ดังนั้น ธรรมชาติของแมวทุกตัวมักจะใช้กระบะทรายเป็นห้องน้ำได้โดยแทบไม่ต้องสอนมากนัก ทั้งนี้ควรมีจัดพื้นที่สำหรับไว้กระบะทรายเพื่อให้แมวได้ขับถ่ายโดยกระบะทรายนั้นควรมีจำนวนมากกว่าจำนวนแมวที่เลี้ยงไว้ ยกตัวอย่างเช่น เลี้ยงแมว 2 ตัว ควรมีกระบะทราย 3 กระบะ นั่นเอง
  5. พาไปพบสัตวแพทย์ – การเลี้ยงแมวที่ถูกต้องและสำคัญอย่างยิ่ง คือการหมั่นดูแลสุขภาพของแมว อย่างการฉีดวัคซีนประจำปีให้ครบถ้วน เป็นการป้องกันโรคได้เพื่อความสบายใจของเจ้าของ และเพี่อสุขภาพของเจ้าเหมียวด้วย รวมไปถึงการทำหมันเพื่อลดจำนวนประชากรแมวในอนาคต ป้องกันการเกิดปัญหาแมวถูกทิ้ง หรือแมวจรอีกทางหนึ่ง

เลี้ยงแมวให้มีความสุข คุณก็ทำได้

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ในการเลี้ยงแมวคือ หมั่นมีเวลาให้กับเจ้าเหมียวบ้าง เพื่อไม่ให้แมวรู้สึกเครียด เหงา หรือโดนทอดทิ้ง แม้ว่าไม่มีปัญหาในเรื่องของสุขภาพกาย แต่สุขภาพใจของแมวก็เป็นสิ่งที่ต้องดูแลใส่ใจเช่นกัน เพื่อให้แมวได้มีสุขภาพดี มีความสุข อายุยืนอยู่กับเราไปได้นานๆ ตลอดอายุขัยของเจ้าเหมียวเองด้วย

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว

แมวเครียดได้หรือไม่ มีวิธีสังเกตได้อย่างไรบ้าง

ปัจจุบันในภาวะที่สังคมเศรษฐกิจต่างก็อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ทำให้มนุษย์เรานั้น มักจะป่วยเป็นโรคเครียด หรือซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น บรรดาคนเลี้ยงสัตว์จึงมีข้อสงสัยติดอยู่ในใจว่า สัตว์เลี้ยงของเราสามารถเครียดหรือเป็นโรคซึมเศร้าได้หรือไม่ โดยเฉพาะเจ้าแมวเหมียวตัวแสบ ที่มักจะอ่อนไหวกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้ง่าย แต่แทบไม่เห็นอาการหากไม่สังเกตให้ดี โดยวิธีที่จะสามารถสังเกตได้ง่าย หากสงสัยว่าแมวเครียดหรือไม่นั้น มีดังนี้

วิธีที่จะสามารถสังเกตได้ง่าย หากสงสัยว่าแมวเครียดหรือไม่นั้น มีดังนี้

1. ความน่าเบื่อในชีวิตประจำวัน

เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเป็นได้ทั้งมนุษย์และสัตว์เลี้ยง สำหรับแมวก็เช่นกัน หากรู้สึกเบื่อ เหงา ไม่มีเพื่อนเล่น (ในกรณีเลี้ยงแมวตัวเดียว และระบบปิด) หรือแม้แต่เจ้าของไม่มีเวลาให้ อาจทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายได้ สังเกตได้หากแมวเริ่มรู้สึกมีอาการเครียดอาจจะไม่ค่อยเล่น หรือส่งเสียงดังเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ หรือแม้แต่ทำลายข้าวของกัดข่วนเฟอร์นิเจอร์ วิธีแก้ไขแค่เพียงเจ้าของแบ่งเวลาเล่นกับเจ้าเหมียวบ้าง อย่างน้อยวันละ 20-30 นาที เท่านี้เจ้าเหมียวจะได้รู้สึกไม่เบื่อ ไม่เครียดแล้ว

2. เสียงดัง

แมวเป็นสัตว์ที่อ่อนไหวกับสิ่งรอบข้างง่าย โดยเฉพาะเสียงดังมากอย่างเช่น เสียงพลุ เสียงฝนตกฟ้าผ่า ฟ้าร้อง เสียงเครื่องบิน หรือรถที่เบิ้ลเครื่อง เสียงเพลงดังๆ จากงานปาร์ตี้ สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำให้แมวกลัวและเกิดอาการเครียดด้วย ดังนั้น ถ้าที่ดีควรหลีกเลี่ยงไม่ทำเสียงดังจะดีที่สุด

3. สมาชิกใหม่

แมวเป็นสัตว์หวงแหนอาณาเขตเป็นที่สุด หากเจ้าของรับสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้าน อย่างเช่น แมวตัวใหม่อาจทำให้แมวตัวเก่ารู้สึกโดยรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว หรือแม้แต่รู้สึกหวงเจ้าของ กังวลว่าจะถูกแย่งความรัก พาลไม่ยอมทานข้าวทานน้ำ หรืออาจซึม บางตัวอาจแสดงออกด้วยการโกรธกัดข่วนสมาชิกใหม่ หรือแม้แต่กับเจ้าของเองก็ได้ เป็นอาการของแมวเครียดได้เช่นกัน ดังนั้น ก่อนรับสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้านควรแยกพื้นที่ก่อน ค่อยๆ ปรับให้ทั้งสมาชิกเก่าและใหม่รู้สึกคุ้นเคยกลิ่นกันก่อน

4. การปรับเปลี่ยนสถานที่

การย้ายบ้านเปลี่ยนสถานที่ ที่แมวคุ้นเคยหรือแม้แต่การเดินทางไปที่อื่น แม้อาจจะไม่เป็นกับแมวทุกตัว แต่แมวโดยส่วนใหญ่ไม่ชอบการเดินทางมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไปหาหมอ ไปอาบน้ำ หรือต้องย้ายบ้าน ล้วนแล้วแต่สามารถทำให้แมวเครียดได้ทั้งนั้น ทางที่ดีที่สุดหากจำเป็นต้องย้ายบ้าน หรือจำเป็นต้องพาไปหาหมอ เจ้าของจำเป็นต้องใส่ใจดูแลแมวมากเป็นพิเศษ อาจปลอบใจเป็นขนมแมวเลีย หรือให้เวลาเจ้าเหมียวซักพัก มีสิ่งของเดิมที่มีกลิ่นที่แมวคุ้นก็ได้

อย่างไรก็แมวเครียดได้ง่ายกว่าที่หลายคนคิด แต่บางตัวอาจแทบจะไม่แสดงอาการออกมาเลยด้วยซ้ำไป ซึ่งเจ้าของต้องสังเกตความผิดปกติให้ดี เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป อาจทำให้ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายจนถึงขั้นเจ็บป่วยได้ สัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนลูกของเราจึงต้องให้ทั้งความรัก ความเข้าใจ ใส่ใจในทุกรายละเอียดให้ดีนั่นเอง

Categories
สุขภาพ

วิธีการรักษาเชื้อราแมว แก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง?

คำพูดที่ว่า “การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” สามารถใช้ได้ทั้งกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากคนด้วย อย่างเช่น “แมว” โรคหนึ่งที่ทาสแมวพึงปรารถนาอย่างยิ่งว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น นั่นก็คือ โรคเชื้อราแมว เพราะกว่าจะรู้ว่าแมวติดเชื้อ ทำการรักษาก็นานเกินควรแล้ว ยิ่งทราบว่าแมวติดเชื้อช้า ก็ทำให้ระยะเวลาในการรักษาล่าช้าตามไปด้วย

วิธีการรักษาเชื้อราแมว ทำได้หลายวิธีมาก อยู่ที่กำลังทรัพย์ และความสามารถของผู้เลี้ยงด้วย

วิธีการรักษาเชื้อราแมว แก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง?

แม้ว่าแมวที่เลี้ยงไว้จะมีเชื้อราแมวเกิดขึ้นแล้วก็ตาม ไม่ต้องกังวลใจไปมาก เพราะถึงอย่างไรก็มีวิธีการรักษาให้เชื้อราหายไป หรือ พอจะบรรเทาลงได้ ซึ่งก็พอจะมีหลายวิธี ได้แก่

  1. รักษาด้วยตนเอง เริ่มทำความสะอาดแมวโดยการตัดขนบริเวณที่เป็นเชื้อราออกก่อน จากนั้นทายาให้ ซึ่งยาที่ใช้อาจจะต้องเข้าไปปรึกษาสัตวแพทย์อีกทีก่อนเพื่อความชัวร์ว่า เราจะสามารถใช้ยาชนิดนี้กับน้องเหมียวได้ หรือ อาจจะลงทุนหน่อยซื้อเครื่องฆ่าเชื้อสำหรับสัตว์เลี้ยงกำจัดกลิ่นยับยั้งแบคทีเรียมา ก็ต้องใช้ทรัพย์นิดหนึ่งในส่วนนี้ หรืออีกวิธีคือการใช้สมุนไพร ถ้าพูดไปทุกคนต้องอ๋อแน่ เพราะมีสรรพคุณในการลดผดผื่นต่าง ๆ (ถ้าใช้กับคนนะ) นั่นก็คือ ขมิ้น เมื่อนำมาใช้กับแมวก็ทำการฝนขมิ้นเหมือนที่จะใช้กับคนเลย แล้วพอกเข้าไปที่ตัวของแมว แม้ว่าสีอาจจะดูเปลี่ยนไป แต่ก็ช่วยในการรักษาเชื้อราได้เป็นอย่างดี
  2. รักษาด้วยสัตวแพทย์ ให้แจ้งกับทางคุณหมอไปว่านำน้องมารักษาโรคทางผิวหนัง แล้วแพทย์ก็จะวินิจฉัยก่อน จากนั้นจะทำการรักษาซึ่งแต่ละตัวก็จะรักษาแตกต่างกันไปอยู่ที่ระดับความรุนแรงของเชื้อราด้วย นั่นหมายความว่า ระยะเวลาในการรักษาของแมวแต่ละตัวจะไม่เท่ากัน

แต่ต้องระวังไว้ ขอเตือน เพราะเชื้อราเจ้าเหมียวสามารถติดต่อกับคนได้

หากเหล่าบรรดาทาสทั้งหลายที่เลี้ยงแมวแล้วเกิดติดเชื้อราแมว ไม่ต้องแหลกใจเพราะเชื้อราของแมวสามารถติดต่อสู่คนได้ด้วยการสัมผัส ซึ่งหากน้องเหมียวเป็นเชื้อรามา แล้วมากัด มาเลีย ก็ทำให้ติดต่อได้เช่นเดียวกัน เพราะงั้นต้องป้องกันตัวเองให้ดี เช่น

  • ทำความสะอาดมือหลังสัมผัสน้องเหมียวให้สะอาด
  • ระวังน้องเหมียวกัด โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นแผล เพราะเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว
  • หมั่นทำความสะอาดน้องเหมียวเป็นประจำ ทั้งตัดเล็บของน้องไม่ให้สามารถข่วนเจ้าของได้

นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแนวทางการป้องกันเท่านั้น อย่างไรก็ตามทาสท่านใดที่มีน้องเหมียวเป็นเชื้อรา ต้องรีบทำการรักษารวมทั้งอย่าลืมป้องกันตัวเองด้วยนะ