Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

รู้หรือไม่ อาหารคนแมวกินได้แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย

สำหรับใครที่อ่านหัวข้อแล้วรู้สึกกำหมัดเราขอแนะนำให้ใจเย็นลงก่อนเพราะเชื่อว่าหลายคนมีความเชื่อว่าแมวไม่สามารถกินอาหารคนได้แถมมันยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเขาอีกด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้วอาหารคนแมวกินได้เช่นเดียวกันแต่ต้องเป็นอาหารบางประเภทจึงจะดีต่อสุขภาพของพวกเขา มีอาหารคนอะไรบ้างที่แมวสามารถกินได้และดีต่อสุขภาพไปดูกันเลย 

เปิดรายชื่ออาหารคนที่แมวกินได้ ไม่ทำลายสุขภาพ

  1. เนื้อไก่ ไก่นั้นเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอย่างมากโดยเฉพาะแมว ดังนั้นมันจึงกลายเป็นอาหารคนแมวกินได้ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพแมวอีกด้วย เนื่องจากบางส่วนของเนื้อไก่นั้นมีปริมาณโปรตีนสูงและไขมันต่ำ แต่กรรมวิธีการปรุงนั้นควรใช้วิธีการต้มหรือนึ่งและไม่ใส่เครื่องปรุงจึงจะดีต่อสุขภาพของพวกเขาที่สุด 
  2. เนื้อปลา เชื่อว่าหลายคนมีภาพจำว่าแมวกินปลา นั่นก็เป็นเพราะว่าในปลานั้นอุดมไปด้วยไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพของพวกเขาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้พวกเขายังชื่นชอบในรสชาติปลาอีกด้วย แต่ก่อนที่จะให้พวกเขากินเราควรปรุงสุกด้วยการนึ่งหรือต้มโดยไม่ใส่เครื่องปรุงลงไป
  3. ไข่ไก่ เป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอดสำหรับบรรดาแมวเหมียวทั้งหลายแถมยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกด้วย แต่ต้องไม่รับประทานดิบโดยเด็ดขาดเพราะอาจจะมีแบคทีเรียและเชื้อโรคบางชนิดที่ทำให้พวกเขาท้องเสียหรือมีอาการป่วยตามมา ให้เรานำเอาไข่ไปต้มก่อนแล้วค่อยนำเอามาให้พวกเขากินจึงจะปลอดภัย 
  4. กล้วย เป็นผลไม้อุดมไปด้วยประโยชน์มากมายแถมยังมีรสชาติที่หวานถูกใจบรรดาแมวเหมียวอีกต่างหาก เป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยโพแทสเซียมและกากใยมากมาย เราจึงสามารถนำเอาผลไม้ชนิดนี้มาให้เป็นของว่างพวกเขาได้ แต่ก็ต้องจำกัดปริมาณเพราะหากให้มากจนเกินไปพวกเขาก็จะได้รับน้ำตาลในปริมาณที่เกินจำเป็นเช่นเดียวกัน 
  5. ฟักทอง เป็นผักที่เต็มไปด้วยกากใยอาหารแถมยังมีแคลอรี่ต่ำจึงส่งผลดีต่อระบบขับถ่ายของน้องแมวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกต่างหาก มันจึงเป็นของว่างที่เหมาะไม่น้อยสำหรับแมวเหมียวที่กำลังประสบปัญหาขับถ่ายไม่ออก แต่เราต้องนำไปนึ่งหรือต้มจนสุกก่อนและไม่ผ่านการปรุงรสจึงจะปลอดภัย 

ให้แมวกินอาหารคนได้เท่าไหร่จึงจะปลอดภัยต่อสุขภาพ 

อาหารคนแมวกินได้ก็จริงแต่ก็เป็นเพียงแค่อาหารบางอย่างเท่านั้นจึงจะดีต่อสุขภาพแมว นอกจากนี้เรายังต้องให้ในปริมาณที่เหมาะสมอีกด้วย อาหารเหล่านี้เป็นเพียงแค่ของว่างหรือของกินเล่นที่ไม่ควรเกินปริมาณ 15% ของจำนวนพลังงานทั้งหมดที่แมวต้องได้รับต่อวัน ยิ่งเป็นผักผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูงยิ่งต้องกำหนดปริมาณให้ดี ไม่เช่นนั้นก็อาจจะทำให้พวกเขามีน้ำหนักเกินตามมาได้ guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : hilo-88.net

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

แมวอัมพาต ต้องดูแลอย่างไรไปดูกัน

สัตว์เลี้ยงก็มีร่างกายเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่สามารถพบเจอกับอาการเจ็บป่วยได้ไม่ว่าจะเป็นจากอุบัติเหตุ จากโรคภัย หรือแม้แต่ความแก่ชราเองก็ตาม ดังนั้นสำหรับคนเลี้ยงแมวแล้วเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมดูแลเขาไปจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายให้พวกเขามีความสุขที่สุด หนึ่งในปัญหาที่คนเลี้ยงสัตว์หลายคนเจอก็คือแมวอัมพาต เกิดจากการได้รับอุบัติเหตุหรือป่วยทางระบบประสาทเมื่อแก่ตัวลง แมวบางตัวมีข้อจำกัดในการรักษาทำให้ต้องใช้วิธีการประคับประคองอาการ วิธีการดูแลพวกเขาจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ มีอะไรบ้างที่เราต้องทำไปดูกัน

เปิดวิธีการดูแลอย่างไรให้แมวที่เป็นอัมพาตอย่างไรให้สุขภาพดี

  1. อยู่ในบริเวณที่สะอาด เมื่อแมวอัมพาตพวกเขาจะไม่สามารถขยับตัวได้ตามเดิมอีกต่อไปดังนั้นมันจึงง่ายในการดูแลในส่วนของที่อยู่เพียงแต่ว่าเรานั้นต้องดูแลความสะอาดให้ดี เพราะแมวที่ป่วยอยู่แล้วมีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคอื่นมากขึ้นเนื่องจากภูมิคุ้มกันตก ให้งดการวิ่งเล่นหรือการขึ้นลงบันไดไปก่อน
  2. จัดที่นอนให้นุ่ม การดูแลแมวที่ป่วยอยู่นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการดูแลมนุษย์ที่ป่วย ดังนั้นในช่วงที่พวกเขาขยับร่างกายไม่ได้เราควรจัดที่นอนนุ่มๆ ให้กับพวกเขาเพื่อให้พวกเขารู้สึกสบายตัวมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อต้องนอนติดเตียงติดต่อกันเป็นเวลานาน 
  3. พลิกตัวเป็นประจำ สิ่งสำคัญมากที่สุดในการดูแลสัตว์ที่ป่วยเป็นอัมพาตก็คือการหมันพลิกตัวพวกเขาอยู่เป็นประจำทุก 3 หรือ 4 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแผลกดทับตามมา เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถขยับพลิกตัวเองได้แต่อย่างใด หากมีแผลกดทับเราจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ใช้ผ้าก๊อซม้วนเป็นวงโดนัทหรือจะใช้แผ่นฟองน้ำรองแผลพวกเขาอีกชั้นเพื่อไม่ให้แผลอาการหนักมากขึ้นกว่าเดิม
  4. ช่วยออกกำลังกาย แม้พวกเขาจะขยับตัวไม่ได้แต่เราก็ต้องช่วยพวกเขาออกกำลังกายเพื่อไม่ให้พวกเขากล้ามเนื้อฝ่อ เช่นเดียวกัน วิธีการก็คือจับขายื่นเข้าออกข้างละอย่างน้อย 30 ครั้งวันละ 3 รอบ บีบนวดขาเป็นประจำ กระตุ้นฝ่าเท้าด้วยกันเกราหรือฝึกงอขาอย่างน้อย 5 ครั้งวันละ 3 รอบ จับขาทำท่าเหมือนกับปั่นจักรยานอีกข้างละ 5 ครั้งวันละ 3 รอบ 

รวมปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อแมวเป็นอัมพาต

การที่แมวอัมพาตนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมายหากเราดูแลแมวได้ไม่ดีพอ อย่างเช่นการเกิดแผลกดทับเนื่องจากไม่มีการพลิกตัวอยู่เป็นประจำ ทำให้ทั้งกล้ามเนื้อและไขมันลดลง กระดูกเด่นชัดและกดทับจนกลายเป็นแผล กระเพาะปัสสาวะอักเสบ พวกเขาไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ ดังนั้นจึงอาจเกิดอาการปัสสาวะออกไม่สุดจนติดเชื้อ และสุดท้ายคือปอดอักเสบซึ่งจะเกิดจากการที่คนเลี้ยงไม่พลิกตัวพวกเขาอยู่เป็นประจำ ทำให้ในทางเดินหายใจและปอดมีเสมหะสะสม เข้าไปขัดขวางการทำงานของปอดจนกลายเป็นการติดเชื้อแทรกซ้อนตามมา guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : sa-game.bet

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

โรคหัดแมว อีกหนึ่งร้ายแรงของน้องแมว ที่เหล่าทาสควรให้ความสนใจ

คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก หากเราพบว่าสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักอย่าง แมว ที่เลี้ยงเอาไว้ เกิดมีอาการเจ็บป่วยขึ้นมา แน่นอนว่าเมื่อ แมวป่วย นอกจากที่จะต้องใส่ใจเรื่องของการดูแลรักษาน้องแมวให้หายดีแล้ว ในเรื่องของค่าใช้จ่ายเองก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากไม่น้อยเลย 

ยิ่งการที่แมวเป็น โรคติดต่อแมว หรือโรคที่รักษาหายยากด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เสียทั้งเวลา และเงินจำนวนมากแน่นอน ดังนั้น จึงควรป้องกันเอาไว้ โรคหัดแมว เองก็เช่นกัน เป็นโรคของแมวที่เหล่าทาสจำเป็นต้องรู้จัก และหาวิธีป้องกันเอาไว้

โรคหัดแมว โรคของแมว ที่ทาสทั้งหลายควรให้ความใส่ใจ 

โรคหัดแมว หรือ โรคพาร์โวไวรัส เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสที่อยู่ในกลุ่ม FELINE PARVOVIRUS โดยเมื่อเชื้อไวรัสชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายของแมวแล้ว ก็จะทำให้เกิดความเสียหายในระบบทางเดินทางอาหารของแมว อาการของโรคนี้จะมีความรุนแรงมาก ๆ 

โดยเฉพาะในแมวที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี หรือแมวที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนของโรคนี้ ซึ่งแมวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีโอกาสที่เมื่อเป็นแล้วอาการจะรุนแรง และมีโอกาสที่จะเสียชีวิตสูงมาก ถือว่าเป็นโรคในแมวที่ร้ายแรง ที่เหล่าทาสแมวต้องให้ความใส่ใจมาก ๆ 

โรคหัดแมว ทำให้แมวมีอาการอย่างไรบ้าง

ในส่วนของ อาการหัดแมว นั้น หากว่าเป็นแมวโตเมื่อเป็นโรคหัดแมว สำหรับ หัดแมว อาการเริ่มต้น จะไม่มีอาการใดแสดงออกมา แต่หากว่าเป็นแมวเด็ก หรือลูกแมวหากว่าเป็นก็จะแสดงอาการออกมาทันที โดยเฉพาะแมวที่มีอายุอยู่ระหว่าง 3-5 เดือน เป็นช่วงวัยที่มีโอกาสเสียชีวิตเฉียบพลันสูงมาก ส่วนแมวที่มีอายุ 4 สัปดาห์ไปจนถึง 1 ปี ก็มักจะพบอาการป่วยแบบฉับพลัน

สำหรับ หัดแมวอาการ ที่พบได้บ่อยในแมวที่เป็นโรคนี้ จะพบว่าแมวมีอาการคล้ายกับการเป็นหวัด และจะมีอาการท้องเสียเกิดขึ้นพร้อมกัน เนื่องจากว่าไวรัสกลุ่มพาร์โวไวรัส เข้าไปทำให้ระบบทางเดินอาหารของน้องแมวเสียสมดุล นอกจากนั้นแล้วอาการของแมวที่เป็นโรคนี้ที่ทาสสามารถสังเกตได้ คือ แมวจะไม่ยอมกินอาหาร หรือกินได้น้อยลง โดยอาการนี้จะเกิดขึ้นช่วง 34 วันแรกที่แมวเป็นโรคนี้

นอกจากนั้นแล้วอาการของแมวที่เป็นโรค หัดแมว จะพบว่าแมวมีไข้ขึ้นสูง, เซื่องซึม ไม่ร่าเริงเหมือนปกติ, ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นเลือด และมีกลิ่นเหม็น อีกทั้งยังมีอาการอาเจียนจากอาหารที่กินเข้าไป หรืออาเจียนออกมาเป็นน้ำเหลือง, มีอาการปวดเกร็งที่บริเวณช่องท้อง, ต่อมน้ำเหลืองที่ท้องขยายตัว รวมถึงยังพบว่าแมวจะมีปริมาณของเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ ซึ่งหากว่าแมวมีอาการรุนแรงมากขึ้น ก็จะทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวที่มีไม่สามารถนับจำนวนได้เลย

แมวที่ป่วยเป็น หัดแมว โอกาสรอด มีไหม และหากเป็นสามารถแพร่เชื้อให้แมวตัวอื่นได้ไหม

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า โรคหัดแมว เป็นโรคในแมวที่ถือว่ามีความรุนแรงมาก ๆ โดยเฉพาะในแมวที่มีอายุน้อย หรือแมวเด็ก และแมวที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคนี้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะพบว่า แมวที่มีอายุมากกว่า 1 ปี หรือแมวที่ได้รับวัคซีนป้องกันแล้ว 

มักจะมีความรุนแรงของโรคน้อยกว่า และมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตน้อยกว่านั่นเอง ทั้งนี้โอกาสที่แมวจะรอดหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาจจะต้องปรึกษากับสัตวแพทย์ที่รักษาว่าจะต้องทำการรักษาอย่างไรบ้างเพื่อช่วยชีวิตน้องแมว

สำหรับ ไข้หัดแมว ก็เป็นโรคในแมวที่สามารถติดต่อกันสู่แมวได้ หากพบว่ามีแมวตัวใดตัวหนึ่งในบ้านป่วยเป็นโรคนี้ ก็อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่แมวตัวอื่นจะติดโรคไปด้วย โดยเฉพาะการที่แมวใช้สิ่งของต่าง ๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ชามอาหาร หรือว่าเสื้อผ้า 

รวมถึงพื้นที่ที่ใช้ในการขับถ่ายของน้องแมวด้วย ถือว่าเป็นที่ที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อโรคนี้ได้ง่ายมากที่สุด ซึ่งจะติดต่อกันได้ผ่านทางอุจจาระของแมวนั่นเอง 

วิธีรักษาหัดแมว สามารถทำได้อย่างไรบ้าง แล้วรักษากี่วันถึงจะหาย

ในการรักษาแมวที่เป็น โรคหัดแมว ทางสัตวแพทย์จะทำการรักษาตามอาการ และเป็นการพยุงอาการของน้องแมวที่เป็นโรคนี้เอาไว้ เพื่อเป็นการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับแมว ให้สามารถป้องกันโรคนี้ได้เอง โดยวิธีการรักษาสัตวแพทย์จะต้องให้อาหาร และน้ำผ่านทางหลอดเลือด และทำการให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเข้าไปด้วย 

นอกจากนี้แล้ว ในก็จะต้องใช้ ยารักษาหัดแมว ร่วมด้วย โดยจะเป็นยาที่อยู่ในกลุ่ม INTERFERON ตัวยาชนิดนี้จะเข้าไปช่วยในเรื่องของการเพิ่มอัตราการรอดชีวิตให้กับน้องแมวที่ป่วยเป็นโรคนี้ ซึ่งสามารถช่วยได้มากถึง 10-20% เลย อย่างไรก็ตามหากว่าเป็นแมวที่ยังไม่ได้มีการแสดงอาการของโรคออกมา หากใช้ยาตัวนี้ ก็จะสามารถทำให้มีโอกาสรอดได้มากถึง 80-90% เลยนั่นเอง แม้ว่ายาตัวนี้จะดี และมีประสิทธิภาพมาก ๆ แต่ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงมากด้วย

ทั้งนี้หากพบว่าแมวที่บ้านของคุณ มีอาการป่วยที่รุนแรงมาก ๆ และเสี่ยงที่จะเสียชีวิต ก็ให้รีบพาไปรักษาทันที อย่าปล่อยให้อาการรุนแรงมากกว่าเดิมเด็ดขาด เพราะหากแมวได้รับการรักษาช้าไป ก็อาจจะทำให้ไม่สามารถยื้อชีวิตของแมวไว้ได้ทัน โดยเฉพาะในแมวเด็กที่จะต้องระวังมาก ๆ 

อย่างไรก็ตาม หากจะถามว่า โรคหัดแมว กี่วันหาย หรือโรคหัดแมวรักษาเองได้ไหม ก็ต้องบอกเลยว่า ไม่สามารถทำได้ และบอกวันที่น้องแมวจะหายไม่ได้ด้วย เนื่องจากแพทย์จะทำการรักษาไปตามอาการ และขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสัตวแพทย์ที่ทำการรักษาด้วย แต่จะเป็นการรักษาที่จะช่วยเหลือชีวิตน้องแมวให้มีโอกาสรอดได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

วิธีป้องกันโรคหัดแมว ให้น้องแมวห่างไกลจากโรคนี้ ต้องทำอย่างไร

ตามที่ได้บอกไปแล้วว่า การรักษาอาการของน้องแมวที่ป่วยเป็นโรคนี้ ทำได้เพียงแค่รักษาตามอาการ และพยุงอาการของน้องแมวไปได้เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ทาสแมวต้องหนักใจมากแน่นอน จะดีกว่าไหมหากว่าสามารถหาวิธีป้องกันให้ได้น้องแมวเป็นโรคนี้ได้ ซึ่งวิธีการป้องกันให้แมวห่างไกลจากโรคนี้ได้ ก็มีดังต่อไปนี้

  • วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือ การพาน้องแมวไป ฉีดวัคซีนแมว ที่ช่วยป้องกันโรคนี้ โดยจะต้องเริ่มฉีดให้น้องแมวตั้งแต่แมวมีอายุได้ 2 เดือน เป็นเข็มที่ 1 เข็มต่อไป จะต้องฉีดให้น้องแมวตอนช่วงอายุ 2-12 เดือน และหลังจากนั้นก็จะต้องทำการพาแมวไปฉีดวัคซีนกระตุ้นเพิ่มอีกทุก ๆ ปี ซึ่งจะฉีดกระตุ้นปีละ 1 เข็ม
  • เมื่อพบว่าแมวที่บ้านเป็นโรคหัด ให้ทำการเลี่ยงการสัมผัสกับแมวที่เป็น และจะต้องแยกแมวที่เป็นออกจากแมวที่ไม่เป็น เนื่องจากว่าอาจจะทำให้แมวตัวอื่นติดเชื้อด้วยได้
  • ไม่ควรปล่อยให้แมวออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน เพราะอาจจะทำให้ติดเชื้อไวรัสจากนอกบ้านเข้ามา
  • เมื่อมีการรับเลี้ยงแมวตัวใหม่เข้าบ้าน ถ้ามีแมวที่เลี้ยงอยู่แล้วด้วย ให้ทำการแยกน้องแมวตัวใหม่ออกมาจากแมวตัวอื่น ๆ ก่อน เพื่อเป็นการสังเกตอาการของแมวที่เพิ่งมาใหม่ว่าเป็นโรคอะไรหรือไม่

หัดแมวติดคนไหม สิ่งที่ทาสแมวจำเป็นต้องรู้

เมื่อ โรคหัดแมว สามารถติดเชื้อจากแมวตัวหนึ่งสู่แมวอีกตัวหนึ่งได้ ทำให้ทาสแมวเองก็กังวลเช่นกันว่า โรคนี้จะสามารถแพร่เชื้อมาสู่คนได้หรือไม่ ความจริงแล้วโรคนี้เป็นโรคติดต่อที่เกิดขึ้นกับแมว จะสามารถติดต่อจากแมวสู่คนได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งจากการสัมผัสแมวป่วย หรือว่าการสัมผัสอุจจาระของแมว รวมถึงหากว่ามีการสัมผัสของใช้ต่าง ๆ ของน้องแมว ก็ไม่ทำให้ติดเชื้อโรคนี้สู่ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเลย

บทสรุป

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คงจะช่วยทำให้ทาสแมวสามารถเข้าใจได้มากขึ้นแล้วว่า ไข้หัดแมว คืออะไร โรคหัดแมวเกิดจากอะไร และหากว่า แมวเป็นหัด จะต้องทำการรักษาอย่างไรบ้าง รวมถึงการป้องกันแมวให้ห่างไกลจากการเป็นโรคนี้จะต้องทำอย่างไร ซึ่งแมวที่ป่วยเป็นโรคนี้แม้จะมีโอกาสรอดน้อย แต่ก็ยังถือว่ามี ทางที่ดีหากไม่อยากให้แมวเป็นก็ควรใส่ใจกับการป้องกันให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องสุขภาพของแมวแล้ว ยังช่วยให้ทาสแมวเองไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องเพิ่มขึ้นด้วย guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : ufaball.bet

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ  โรคอันตรายที่สามารถติดต่อกันได้ในแมว

การเลี้ยงแมวไม่ได้มีเพียงแค่การให้อาหารหรือการทำความสะอาดเท่านั้นแต่เรายังต้องดูแลไปถึงสุขภาพของพวกมันด้วย ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจรับแมวมาเลี้ยงสักตัวสิ่งที่ต้องพิจารณาคือเรามีงบประมาณสำหรับการดูแลพวกเขาเพื่อไม่ให้เป็นโรคหรือดูแลรักษาเมื่อพวกเขาติดโรคแล้วหรือไม่ โรคในแมวนั้นมีมากมายและที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้คือโรคอันตรายที่สามารถพบได้ทั่วไปนั่นก็คือ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ  มันเป็นโรคที่อันตรายเนื่องจากสามารถติดต่อกันได้ในแมว เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำให้มีภาวะหลอดเลือดอักเสบ ทำลายระบบต่างๆ เกิดจากไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกับที่แพร่ระบาดในมนุษย์ในปัจจุบัน

cat disease1

อาการของโรค FIP ในแมวและอาการผิดปกติที่สามารถสังเกตได้ 

อาการของ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ซึ่งเป็น โรคติดต่อแมว มักจะเกิดขึ้นในแมวอายุน้อยเนื่องจากร่างกายยังไม่แข็งแรงทำให้สามารถติดเชื้อได้ง่ายแถมยังได้แสดงอาการป่วยอีกด้วย อาการผิดปกติที่คนเลี้ยงอย่างเราจะสามารถสังเกตเห็นได้ก็คืออาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงแถมยังสามารถหายเองได้

อีกต่างหาก ดังนั้นหากคุณเริ่มเห็นแมวเด็กหรือแมวที่เลี้ยงอยู่ท้องเสียควรรีบพบแพทย์โดยด่วนเพราะมันอาจจะไม่ใช่การท้องเสียธรรมดาทั่วไป อาการป่วยมักจะไม่จำเพราะมีหลายอาการไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารน้อยลง ซึม เบื่ออาหาร บางตัวมีอาการเป็นไข้เป็นๆ หายๆ หากแมวของเรามีอาการใดอาการหนึ่งที่กล่าวมาข้างต้นควรพาไปหาหมอเนื่องจากหากเรารอให้แมวมีอาการผิดปกติอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นอาการหอบหายใจถี่หรือมีท้องป่องเนื่องจากมีของเหลวในปริมาณมากสะสมทั้งบริเวณช่องอกและช่องท้องซึ่งเป็นอาการแบบเปียก หรืออาการม่านตาอักเสบ เริ่มเดินเซ แขนขาอ่อนแรง อาการทางระบบประสาทหรืออาการแบบแห้ง

cat disease

หมายความว่าแมวของเราอาการหนักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อแมวมีอาการใดอาการหนึ่งเราจึงควรรีบพาแมวไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อให้สามารถรักษาได้ทันเวลา หากพบได้เร็วโรคดังกล่าวจะสามารถรักษาได้และมีโอกาสสูงที่จะไม่ลุกลาม แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานมันก็จะมีโอกาสสูงที่แมวจะอาการหนักมากขึ้นจนยากเกินเยียวยา 

วิธีการรักษาอาการโรค FIP ในแมว

วิธีเดียวที่จะสามารถรักษาอาการ โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ที่เป็น โรคติดต่อแมว ได้คือเราต้องพาแมวไปพบสัตวแพทย์ ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาอย่างเป็นทางการใช้วิธีการรักษาตามอาการซึ่งผู้เลี้ยงไม่สามารถรักษาได้เอง แต่ก็มีการพัฒนาไปถึงผลิตยาต้านไวรัสขึ้นมาแล้ว อย่างไรก็ตามยาดังกล่าวยังไม่ได้รับการรับรองผลอย่างเป็นทางการว่าจะสามารถใช้รักษาโรคดังกล่าวได้ แต่ตามผลวิจัยแล้วยาต้านไวรัสมีเปอร์เซ็นต์การรักษาที่สูง ดังนั้นหากพบว่าแมวมีอาการผิดปกติอย่านิ่งนอนใจและควรพาแมวไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : https://hilo-88.net/

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

ป้อนยาแมวต้องทำอย่างไร ทาสแมวไปดูกัน

สิ่งที่คนเลี้ยงสัตว์ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นมากที่สุดก็คือการที่สัตว์เลี้ยงของเรามีอาการป่วยนั่นเอง เพราะนอกจากจะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลแล้ว เรายังต้องดูแลพวกเขาให้ดีขึ้นเป็นพิเศษมากกว่าเดิม และไม่ใช่สัตว์เลี้ยงทุกตัวที่จะป้อนยาได้ง่ายๆ แต่อย่างใด ยิ่งเป็นสัตว์เลี้ยงอินดี้อย่างแมวด้วยแล้วการจัดการยิ่งยากมากขึ้นไปอีก แต่ความจริงแล้วการป้อนยาแมวนั้นมีเทคนิคที่สามารถทำได้ง่าย วิธีการเป็นอย่างไรไปดูกัน 

sick cat1

รวมเทคนิคการป้อนยาให้กับแมวอย่างไรให้ง่ายดายและสะดวกสบายที่สุด

  1. ป้อนยาเม็ดโดยตรง เป็นวิธีการป้อนยาแมวที่ดีที่สุดเนื่องจากจะช่วยให้ยาเข้าไปทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ วิธีการคือใช้มือข้างที่ไม่ถนัดจับบริเวณร่องฟันที่อยู่ตรงกลางระหว่างฟันบนฟันล่างของพวกเขา จากนั้นใช้นิ้วมือง้างปากของพวกเขาออก นำเอามือข้างที่ถนัดจับยาแล้วหย่อนลงไปในปากของพวกเขา จากนั้นนำเอามือข้างที่ไม่ถนัดปิดปากแมวเอาไว้ นำเอามือข้างที่ถนัดลูบบริเวณคอของพวกเขาจนมั่นใจว่าพวกเขากลืนยาลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเป็นอันเสร็จสิ้น
  2. บดยาผสมอาหาร หากแมวป่วยของคุณเป็นแมวที่ค่อนข้างดื้อรั้นและกินยายาก ไม่สามารถป้อนยาเป็นเม็ดได้ก็สามารถใช้วิธีการบดยาผสมเข้ากับอาหารก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ขอแนะนำให้เป็นอาหารเจลซึ่งเป็นอาหารเสริมสำหรับแมวที่ป่วยแล้วป้ายบริเวณริมฝีปากบนของพวกเขาจนได้ปริมาณยาตามที่กำหนดเอาไว้จะดีที่สุด หากไม่มีจะใช้ผสมซอสเกรวี่หรือน้ำผึ้งก็ได้เช่นเดียวกัน
  3. ยาเม็ดลงไปในอาหาร หากเป็นแมวตัวใหญ่หน่อยที่ชื่นชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ในขณะที่ยามีขนาดเล็กและไม่มีกลิ่นแปลกปลอมที่ได้กลิ่นอย่างชัดเจน จะใช้วิธีการยัดยาเอาไว้ในอาหารแล้วป้อนให้พวกเขาก็ได้เช่นเดียวกัน จะช่วยให้พวกเขากินยาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
sick cat32

ป้อนยาน้ำให้แมวอย่างไรให้ปลอดภัยและถูกวิธี 

หากคุณจำเป็นต้องป้อนยาแมวโดยยานั้นเป็นยาน้ำให้กับแมวป่วย วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการใช้ไซริงค์หรือกระบอกฉีดยาแบบที่ไม่มีเข็มฉีดยา โดยการดูดยาใส่ลงไปในหลอดไซริงค์ตามปริมาณที่สัตวแพทย์กำหนดเอาไว้ หลังจากนั้นให้ทำเหมือนกับเวลาป้อนยาเม็ดทั้งเม็ดนั่นก็คือเอามือข้างที่ไม่ถนัดง้างปากของแมวออก นำเอามือข้างที่ถนัดแหย่ปลายไซริงค์เอาไว้บริเวณข้างริมฝีปากให้ชิดที่สุด จากนั้นค่อยๆ ดันยาเข้าปากแมวจนกว่าจะหมด เพียงเท่านี้พวกเขาก็จะได้กินยาอย่างปลอดภัยแล้ว แต่โดยปกติยาน้ำไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไหร่เนื่องจากมีรสชาติค่อนข้างดี ถึงแมวจะรับรสหวานไม่ได้แต่ก็ไม่ขมเหมือนกับยาเม็ดแต่อย่างใด guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : https://ufaball.bet/

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

แมวดื้อยาปฏิชีวนะ ปัญหาที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของแมวในระยะยาว

แมวนั้นก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกับมนุษย์เช่นเดียวกัน ดังนั้นมันจึงมีโอกาสที่พวกเขาอาจจะเจ็บป่วยได้ไม่ว่าจะเป็นจากการติดเชื้อหรือแม้แต่การแก่ชราลงก็ตาม เวลาพาไปหาสัตวแพทย์เราก็มักจะได้รับยาที่ช่วยบรรเทาอาการให้พวกเขาดีขึ้น โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะที่หมอจะสั่งอย่างเคร่งครัดให้เจ้าของป้อนจนกว่าจะหมด แต่บางครั้งเราอาจไม่มีเวลาดูแลพวกเขามากพอและไม่ได้ป้อนจนหมดแต่อย่างใด ทราบหรือไม่ว่ามันอาจจะทำให้แมวดื้อยาได้ เราจะพาทุกคนไปดูถึงสาเหตุและวิธีการลดปัญหาดังกล่าวกัน

cat health1

รวมวิธีการลดปัญหาเมื่อแมวมีอาการดื้อยาปฏิชีวนะ

  1. ตรวจค่าความไวจากเชื้อ หากรักษาด้วยยาปฏิชีวนะไปในระยะเวลาหนึ่งแล้วพบว่าไม่ได้ผลเนื่องจากแมวดื้อยา เราสามารถใช้วิธีการตรวจความไวของเชื้อเพื่อตรวจสอบสุขภาพแมวได้ว่าพวกเขาเหมาะสำหรับการใช้ยาปฏิชีวนะตัวใด 
  2. ลดการใช้ยา สิ่งสำคัญก็คือเราควรพาแมวของเราไปพบแพทย์ทุกครั้งเมื่อพวกเขาป่วยเพื่อที่จะได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องก่อนที่จะเลือกใช้ยา ควรใช้ยาที่เฉพาะเจาะจงกับโรคที่เป็นก็จะช่วยลดอาการดื้อยาได้ดี 
  3. รับผิดชอบ เมื่อสัตวแพทย์จ่ายยาปฏิชีวนะให้กับแมวของเรา เจ้าของอย่างเรามีหน้าที่รับผิดชอบในการป้อนยาพวกเขาจนกว่าจะหมดไม่ว่าจะมีเวลาหรือไม่ก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว 
  4. การเลือกใช้ยาตามกลุ่ม ปัจจุบันยาปฏิชีวนะถูกแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มประกอบไปด้วย BACTERIOSTATIC ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและให้ระบบภูมิคุ้มกันจัดการกับสิ่งแปลกปลอมในร่างกายด้วยตนเอง และ BACTERICIDAL ที่จะออกฤทธิ์เข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียโดยตรง ซึ่งเหมาะสำหรับแมวที่มีร่างกายอ่อนแอ อย่างเช่นแมวที่ป่วยอยู่แล้วหรือมีโรคประจำตัว 
  5. ความถี่ในการใช้ยา การออกฤทธิ์ของยานั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทประกอบไปด้วย CONCENTRATION DEPENDENT เมื่อเพิ่มความเข้มข้นของตัวยาก็จะช่วยให้ฤทธิ์ในการกำจัดแบคทีเรียสูงขึ้นกว่าเดิม ปริมาณนาที่เหมาะสมจึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานในขณะที่ความถี่ในการให้ยานั้นจะมีความสำคัญน้อยลง TIME DEPENDENT DRUG เป็นกลุ่มยาที่จะออกฤทธิ์ได้ดีหากรับประทานตามความถี่ที่เหมาะสม และสุดท้ายก็คือ ONCENTRATION AND TIME DEPENDENT เป็นแบบที่ผสมกันนั่นก็คือเพิ่มความถี่หรือเพิ่มความเข้มข้นก็จะช่วยให้ประสิทธิภาพของยาดีขึ้นกว่าเดิม 
cat health2

เปิดสาเหตุที่ทำให้สัตว์เลี้ยงของเรามีอาการดื้อยา 

การที่แมวดื้อยานั้นจะส่งผลต่อสุขภาพแมวโดยตรง ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีอาการดื้อยาไม่ว่าจะเป็นการรับยาปฏิชีวนะอย่างผิดวิธีหรือรับประทานไม่ต่อเนื่อง การที่เจ้าของหยุดให้ยาสัตว์เลี้ยงของตนเองเมื่อพวกเขาอาการดีขึ้นแล้ว อาจเกิดจากการที่สัตว์เลี้ยงป้อนยายากจนทำให้ไม่สามารถป้อนยาได้อย่างต่อเนื่องหรือเจ้าของรู้สึกไม่อยากป้อนยาต่อ การที่เจ้าของซื้อยาให้สัตว์เลี้ยงด้วยตนเอง และการคงตัวของยาหลังจากที่ละลายแล้ว รวมไปถึงการเก็บรักษา guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Sponsor : https://hilo-88.com/

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

แมวหายใจแรง อาการผิดปกติที่ทาสควรดูแลเอาใจใส่

สำหรับคนเลี้ยงแมวอย่างเราแล้วไม่มีอะไรที่น่ากังวลไปมากกว่าสุขภาพของพวกเขาเพราะเวลาเราเลี้ยงคู่ขาวเราก็รักและอยากให้พวกเขาอยู่กับเราไปนานๆ ดังนั้นการดูแลสุขภาพพวกเขาจึงมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว แต่หนึ่งในปัญหาสุขภาพที่หลายคนละเลยเนื่องจากมองว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมปกติของพวกเขาอย่างการที่แมวหายใจแรง ความจริงแล้วมีอันตรายกว่าที่เราคิดและพวกเขาควรได้รับการรักษา เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าอาการดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากอะไรและมีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง

cat health

รวมสาเหตุที่ทำให้แมวมีอาการหายใจแรง ปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรละเลย 

  1. ปัญหาระบบทางเดินหายใจส่วนบน การที่แมวหายใจแรงนั้นสามารถเกิดได้จากการที่มีสิ่งผิดปกติเข้าไปขวางหรืออุดตันภายในท่อลมซึ่งอยู่บริเวณทางเดินหายใจส่วนบนของแมว อย่างเช่นการเป็นเนื้องอก การติดเชื้อรา การมีน้ำมูกเป็นปริมาณมาก หรือแม้แต่การมีก้อนเนื้อบริเวณคอหอยหรือจมูกเป็นต้น ดังนั้นเราจึงควรดูแลสุขภาพแมวด้วยการพาพวกเขาไปหาหมอหากพบกับพฤติกรรมที่ผิดปกติไป 
  2. ปัญหาระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เป็นการที่มีสิ่งผิดปกติหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปขัดขวางทางเดินหายใจบริเวณส่วนล่าง ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากอาการหลอดลมตีบเนื่องด้วยอาการภูมิแพ้ ซึ่งแมวแต่ละตัวนั้นก็จะแพ้อะไรที่แตกต่างกันออกไปอย่างเช่นแพ้เนื้อไก่ แพ้ขนตัวเองก็มีเช่นเดียวกัน พวกเขามักจะหายใจเสียงดังและต้องใช้แรงในการหายใจมากกว่าแมวปกติทั่วไป
cat health1
  1. ปอดและหลอดลมฝอยมีปัญหา เกิดจากการที่มีภาวะน้ำท่วมปอดเนื่องด้วยหัวใจวายหรือมีอาการปอดอักเสบ อาการที่เห็นได้ชัดก็คือแมวจะรู้สึกหายใจลำบากไม่ว่าจะเป็นการหายใจเข้าหรือหายใจออกก็ตาม พบว่ามีสิ่งปกติบริเวณช่องอกไม่ว่าจะเป็นกลุ่มก๊าซ ของเหลว หรือของแข็ง ทำให้พวกเขารู้สึกหายใจลำบากแต่ไม่มีเสียงดังแต่อย่างใด
  2. มีก๊าซในบริเวณช่อง เป็นสาเหตุที่ทำให้แมวรู้สึกหายใจลำบากเนื่องจากมันเข้าไปกัดทำลายถุงลมหรือทำให้ถุงลมแตกออกจงส่งผลต่อระบบการหายใจ ต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน เช่นเดียวกับอาการมีน้ำในช่องอกซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายกรณีเช่นเดียวกัน หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจส่งผลอันตรายกับแมวจนถึงชีวิตได้เลยทีเดียว 

การวินิจฉัยและการรักษาเมื่อพบว่าแมวมีอาการหายใจแรง

cat health2

หากคุณพบว่าแมวหายใจแรงแบบผิดปกติให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพแมวโดยด่วน ดูวิธีการวินิจฉัยนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่การอัลตราซาวด์ การเอกซเรย์เพื่อดูอวัยวะภายในว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่อย่างเช่นคอ ช่องอก ปอด รวมไปถึงโพรงจมูก ตรวจเลือดเพื่อประเมินอาการ ส่งตรวจน้ำในช่องอกหรืออาจมีการเก็บตัวอย่างก้อนเนื้อไปส่งตรวจว่ามันคืออะไร ส่วนวิธีการรักษานั้นสามารถทำได้ตั้งแต่การให้ออกซิเจน การให้ยารักษาโรค รวมไปจนถึงการผ่าตัดเอาก๊าซหรือน้ำในช่องอกออกก็ช่วยได้เช่นเดียวกัน guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
สุขภาพ

หูอักเสบ อาการที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าแมวกำลังชัก

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีอาการป่วยมากมายที่เราต้องคอยดูแลและเฝ้าระวังเพื่อให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ พวกเขาจะได้อยู่กับเราไปอีกนานๆ เพราะเวลาของพวกเขานั้นมีอยู่เพียงแค่ไม่เกิน 20 ปีเท่านั้น ช่วงเวลาที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่กับเราเราก็ย่อมอยากให้พวกเขามีความสุขและสุขภาพแข็งแรงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันจึงทำให้คนเลี้ยงแมวหลายคนค่อนข้างตระหนกตกใจเมื่อพบว่าแมวนั้นลุกไม่ขึ้น อาเจียน ตากระตุก หัวเอียงหรือหัวหมุน วิธีการกลิ้งตัวไปมา หลายคนเข้าใจผิดว่ามันเป็นอาการชัก แต่ความจริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้จากโรคหูอักเสบเช่นเดียวกัน โรคดังกล่าวคืออะไรเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกัน

cat health2

เป็นอย่างไรหากหูของแมวอักเสบ โรคที่ใกล้ตัวแมวกว่าที่เราคิด

โรคหูอักเสบนั้นเป็นโรคร้ายที่อยู่ใกล้ตัวแมวกว่าที่เราคิดไว้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว ส่วนใหญ่แล้วสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งแมวและสุนัข พบว่ามีอาการอักเสบบริเวณหูชั้นกลางไปจนถึงหูชั้นใน สังเกตเห็นได้ชัดว่าสัตว์เลี้ยงของเราจะมีอาการคันหูเป็นพิเศษ ชอบสะบัดหูอยู่เป็นประจำ หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีกลิ่นเหม็นและมีความแฉะไม่น้อย หากอาการหนักพวกเขาอาจเกิดอาการหูบวมขึ้นมาได้ และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีพวกเขาก็จะเสียการทรงตัวไปในที่สุด

หากเราพบว่าพวกเขามีอาการเหล่านี้ให้รีบพาไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการรักษาต่อไป สัตวแพทย์จะทำการส่องเข้าไปดูในหูเพื่อดูว่าเกิดจากอะไรกันแน่ ซึ่งสามารถเกิดได้ขึ้นจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการที่เยื่อแก้วหูทะลุ หากทำการเอกซเรย์จะพบว่ากกหูมีขนาดที่หนามากขึ้นกว่าเดิม ช่องว่างจะดูทึบมากกว่าแมวที่มีสุขภาพแมวดี

cat health1

นอกจากนี้ยังต้องตรวจระบบประสาทอีกด้วยหากพบว่าแมวของเรามีอาการหัวเอียง ตากระตุก ไม่สามารถกระพริบตาได้ หรือแม้แต่การสูญเสียการทรงตัว สำหรับสาเหตุของโรคดังกล่าวนั้นมีมากมายอย่างเช่นการเป็นไรในหู การเป็นไรขี้เรื้อน มีสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปอยู่ในหู มีการติดเชื้อแบคทีเรีย มีการอุดตันจากก้อนเนื้อ เนื้องอก หรือขี้หู หูมีความชื้นอยู่เป็นประจำ ทำความสะอาดหูผิดวิธีหรือทำความสะอาดอย่างรุนแรงจนเกินไป

cat health

หูแมวอักเสบสามารถรักษาอย่างไรให้หายขาด

ความจริงแล้วโรคหูอักเสบไม่ได้เป็นโรคที่รุนแรงถึงขั้นที่คร่าชีวิตแมวได้ขนาดนั้น แต่หากเราไม่ดูแลสุขภาพแมวให้ดีและปล่อยให้อาการเรื้อรังก็มีความอันตรายไม่น้อยเช่นเดียวกัน หากเราพบว่าแมวของเรามีอาการปกติให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน สำหรับอาการรักษาโรคดังกล่าวนั้นระยะเวลาจะเริ่มต้นตั้งแต่หลักสัปดาห์ไปจนถึงหลักเดือนเลยทีเดียว คนเลี้ยงจะต้องให้ยาปฏิชีวนะสำหรับลดอาการติดเชื้อไม่ว่าจะเป็นยารับประทานหรือการทำความสะอาดรูหูของแมวเองก็ตาม โดยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

ผลไม้แมวกินได้ สิ่งที่จะช่วยให้สุขภาพของแมวคุณดีขึ้นกว่าเดิม

แมวนั้นเป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งเนื้อและพืช ดังนั้นเวลาที่เรากินผักหรือผลไม้พวกเขาก็มักจะมายืนขออยู่เสมอ หลายคนไม่มั่นใจว่าผลไม้แมวกินได้หรือไม่ ความจริงแล้วพวกเขาสามารถกินผักผลไม้ได้บางชนิดเช่นเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันเองก็มีผักผลไม้บางชนิดที่อันตรายต่อพวกเขาด้วย เราจึงจะพาทุกคนมาดูกันว่ามีผลไม้อะไรบ้างที่พวกเขาสามารถกินได้อย่างปลอดภัย

cat health1

รวมรายชื่อผลไม้ที่แมวสามารถกินได้และดีต่อสุขภาพ 

  1. แอปเปิ้ล เป็นผลไม้แมวกินได้ที่เต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย มีกากใยอาหาร แถมพลังงานก็ไม่สูงจนเกินไปอีกด้วย ดังนั้นมันจึงค่อนข้างดีต่อสุขภาพแมวไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ต้องระวังให้พวกเขากินแกนกลางหรือเมล็ดเข้าไปเพราะมันมีสารไซยาไนด์ที่ส่งผลอันตรายต่อพวกเขา 
  2. แคนตาลูป เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ มีไฟเบอร์ และแคลอรี่ต่ำ หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะแมวของเราก็จะมีสุขภาพที่ดี แต่ต้องระวังไม่ให้พวกเขากินเมล็ดเข้าไปและต้องไม่เอาเปลือกให้พวกเขากินด้วย 
  3. แตงโม ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาจะสามารถกินผลไม้ชนิดนี้ได้ด้วย แต่พวกเขาสามารถกินได้แถมยังชื่นชอบอีกต่างหากเพราะมันมีรสชาติที่หวานฉ่ำ มีปริมาณน้ำตาลและแคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินเอและกากใยอาหาร แต่ต้องระมัดระวังเมล็ดให้ดีเพราะมันอาจจะไปติดคอพวกเขาได้
  4. มะม่วง มันเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยกากใยซึ่งช่วยระบบขับถ่ายพวกเขาได้เป็นอย่างดี อุดมไปด้วยวิตามิน แต่ก็เป็นผลไม้ที่มีพลังงานสูงดังนั้นจึงควรให้เขารับประทานแต่น้อย 
  5. สับปะรด เป็นผลไม้ที่รสชาติอร่อยแถมยังปลอดภัยสำหรับแมวอีกต่างหาก อุดมไปด้วยทั้งวิตามินและแร่ธาตุ เราจึงสามารถให้พวกเขากินได้เป็นครั้ง แต่ต้องเอาเปลือกออกให้หมด นอกจากนี้หากเป็นสับปะรดกระป๋องไม่ควรให้พวกเขากินโดยเด็ดขาดเพราะมันมีปริมาณน้ำตาลที่สูงแถมยังมีสารกันบูดที่ส่งผลเสียต่อพวกเขาอีกด้วย
cat health2

เปิดรายชื่อผลไม้ที่แมวไม่สามารถกินได้โดยเด็ดขาด 

พูดถึงผลไม้แมวกินได้ที่ดีต่อสุขภาพแมวไปแล้วก็มาต่อกันที่ผลไม้ที่แมวไม่ควรกินโดยเด็ดขาดซึ่งจะประกอบไปด้วยทุเรียน ถึงมันจะไม่มีสารที่เป็นอันตรายแต่ก็เต็มไปด้วยพลังงานและน้ำตาลที่สูงมากจึงไม่เหมาะสำหรับแมวสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับลำไย ขนุน ละมุด หรือน้อยหน่าที่มีทั้งน้ำตาและพลังงานสูงเหมือนกัน

นอกจากนี้ส้มและมะนาวก็เป็นผลไม้ที่ไม่ควรให้พวกเขากินเช่นเดียวกัน เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยและกรดซีตริกนั้นจะทำให้พวกเขาท้องไส้ปั่นป่วน และยังมีองุ่นรวมไปถึงลูกเกดที่อันตรายต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก หากรับประทานเข้าไปจะทำให้พวกเขาอาเจียน เบื่ออาหาร หรือถึงขั้นไตวายได้เลย guscats.com

บทความเพิ่มเติม

Categories
สาระน่ารู้เกี่ยวกับแมว สุขภาพ

ฟันแมว สิ่งสำคัญที่ทาสแมวต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี

ฟันเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อสัตว์ทุกชนิดเนื่องจากใช้ในการบดเคี้ยวอาหาร หากไม่มีฟันการรับประทานอาหารก็จะทำได้ยากมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงอย่างแมว การดูแลฟันแมวและการดูแลสุขภาพช่องปากนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทาสแมวควรใส่ใจ แต่จะมีวิธีการใดบ้างเราจะพาทุกคนไปดูกัน

cat health

เปิดวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากแมวอย่างไรให้ฟันแข็งแรง 

  1. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพให้สัตว์เลี้ยงนั้นไม่ได้หมายถึงการตรวจสุขภาพธรรมดาทั่วไป แต่เรายังต้องตรวจสุขภาพฟันแมวอีกด้วย เพื่อเช็คว่าสุขภาพแมวในองค์รวมยังคงแข็งแรงปลอดภัยดีอยู่หรือไม่ สัตวแพทย์จากตรวจภายในช่องปากเบื้องต้น หากสัตว์เลี้ยงของเราดูก็อาจจะต้องมีการวางยาสลบหรือยาซึมเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม โดยเราควรพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจเป็นประจำทุก 6 เดือนหรือ 1 ปีรวมไปถึงการขัดหินปูน 
  2. แปรงฟันอยู่เสมอ เราควรแปรงฟันให้กับแมวของเราเป็นประจำเหมือนกับที่เราแปรงฟัน โดยสามารถแปรงฟันได้ประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็จะช่วยดูแลสุขภาพช่องปากให้พวกเขามีฟันที่แข็งแรง ไม่ควรใช้ยาสีฟันของมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงเนื่องจากกลิ่นและรสชาติไม่เป็นที่ชื่นชอบของพวกเขา นอกจากนี้ยังต้องล้างออกไม่ใช่กลืนลงไป เราจึงควรเลือกใช้ยาสีฟันสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ 
  3. ใช้น้ำยาลดคราบหินปูน หากแมวของเราเกิดคราบหินปูนนั้นจะทำให้ดูแลได้ยากเป็นอย่างมาก เนื่องจากการขูดหินปูนในแมวจะต้องทำการวางยาสลบเลยทีเดียว เราจึงควรป้องกันด้วยการใช้น้ำยาลดคราบหินปูนแบบน้ำผสมในน้ำดื่มหรือจะใช้แบบเจลป้ายฟันก็ได้เช่นเดียวกัน
  4. ของเล่นขัดฟัน ของเล่นที่แมวของเราชื่นชอบกัดเล่นมีบางรูปแบบที่สามารถลดอาการเหงือกอักเสบรวมไปถึงหินปูนได้เป็นอย่างดี หากสัตว์เลี้ยงของคุณไม่มีปัญหาเป็นโรคปริทันต์ก็สามารถให้เล่นของเล่นเหล่านี้เพื่อลดการเกิดคราบหินปูนได้ 
cat health1

อาหาร ตัวช่วยในการดูแลสุขภาพช่องปากของแมว 

ทราบหรือไม่ว่าอาหารนั้นสามารถดูแลสุขภาพฟันแมวรวมไปถึงสุขภาพช่องปากของพวกเขาได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยให้สุขภาพแมวดีอีกต่างหาก เราควรเลือกใช้อาหารเม็ดที่สามารถลดคราบจุลินทรีย์ได้มากกว่าอาหารเปียก เนื่องจากขนาดและผิวสัมผัสของอาหารเม็ด จะช่วยให้สัตว์เลี้ยงของเราได้เคี้ยว เมื่ออาหารสัมผัสกับฟางก็จะสามารถลดการสะสมของคราบหินปูนและจุลินทรีย์บนผิวฟันได้เป็นอย่างดี guscats.com

บทความเพิ่มเติม