สังเกตอาการแมวท้องและอาหารบำรุงที่เจ้าของควรหาให้เจ้าเหมียวทานได้

สำหรับคนรักแมวนั้น การได้เลี้ยงแมวให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ที่เจ้าของนั้นได้รับจากเจ้าเหมียว และถ้ายิ่งแมวที่เลี้ยงเกิดตั้งท้องด้วยแล้ว ย่อมนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะครอบครัวจะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่เพิ่ม และลูกแมวนั้นก็น่ารักไม่ใช่น้อย ทั้งนี้ อาการแมวท้องนั้น เจ้าของสามารถสังเกตเองได้แบบง่ายๆ ดังนี้

  1. หัวนมขยายใหญ่ขึ้น – สำหรับแมวตัวเมียที่มีหัวนมขยายใหญ่เป็นจุดสีชมพูแดงอ่อนๆ หรือแม้แต่มีน้ำคล้ายน้ำนมไหลออกมา มักจะเป็นสัญญาณเตือนของอาการแมวท้องแล้ว แต่ทั้งนี้อาการนี้ก็ไม่สามารถฟันธงได้ 100% ว่าแมวท้องหรือไม่ เพราะในบางกรณีอาจเกิดขึ้นเพราะแมวใกล้เข้าสู่ช่วงภาวะติดสัตว์ก็ได้เช่นกัน
  2. กินเก่ง – การทานอาหารมากกว่าปกติของเจ้าเหมียวนั้น เป็นอีกอาการแมวท้องที่เจ้าของสันนิษฐานได้เช่นกัน เพราะร่างกายของแมวท้องนั้นจำเป็นต้องการสารอาหารมากกว่าปกติ ทั้งนี้เจ้าของสามารถหาอาหารบำรุงแมวได้เช่น อาหารสำหรับแม่แมว อาจมีอาหารเสริมอย่างพวกซุปไก่ หรือนมแพะเพื่อเสริมแคลเซียมได้บ้าง ทั้งนี้ควรทานในปริมาณเล็กน้อย หรือแต่พอดี เพราะหากทานมากเกินไปอาจทำให้ครรภ์เป็นพิษ อันตรายทั้งต่อตัวแม่แมวและลูกแมวอีกด้วย
  3. นอนเยอะ – แม้ว่าโดยปกติแล้วแมวจะนอนถึงวันละ 16-18 ชั่วโมงต่อวัน แต่สำหรับการสังเกตอาการแมวท้องนั้น จะพบว่าแมวนอนมากกว่าปกติจากเดิมอีก 1-2 เท่าด้วยซ้ำไป
  4. ท้องโต – เป็นอาการแมวท้องที่เป็นสัญญาณค่อนข้างแน่ชัดที่สุด ยิ่งหากมีอาการข้างต้นควบคู่กันด้วยแล้ว ทั้งนี้หากไม่แน่ใจควรพาแมวไปหาสัตวแพทย์จะดีที่สุด เพราะบางครั้งแมวอาจไม่ได้ท้อง แต่มีแก๊สในท้องมากเกินไป หรือท้องอืดก็ได้เช่นกัน

การตั้งท้องของแม่แมวนั้น มักจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา ซึ่งในระยะแรกและระยะที่สองเป็นช่วงสะสมไขมันไว้สำหรับลูกแมว และระยะที่สามก่อนตกลูกจะเป็นการบำรุงเพื่อการเจริญเติบโตของลูกแมวโดยเฉพาะ ดังนั้นอาหารบำรุงแมวท้องในแต่ละช่วงนี้ เจ้าของสามารถเลือกสรรแบบที่เหมาะกับแม่แมวได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูแลไม่ให้ทานเยอะเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อน้ำหนักตัวของแมวได้ในระยะยาว

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากอาหารบำรุงแมวท้องแล้ว เจ้าของต้องหมั่นสำรวจอาการของแม่แมวตั้งท้องเป็นระยะ หากยิ่งใกล้ตกลูก พฤติกรรมอาจเปลี่ยน เช่น อาจทานมากขึ้น หรือในบางตัวอาจจะทานน้อยลง การเคลื่อนไหวช้าลง และเริ่มมองหารังหรือที่สำหรับตกลูก ซึ่งเจ้าของสามารถช่วยเหลือเตรียมหาให้ได้ ควรเลือกมุมสงบ ส่วนตัว และอบอุ่น มีอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อเป็นการรอต้อนรับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลกด้วยนั่นเอง